เอฟทีเอ็กซ์ (FTX) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ล้มละลาย ประกาศว่าจะเริ่มจ่ายคืนเจ้าหนี้รายใหญ่ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2025 เป็นต้นไป โดยขณะนี้สามารถระดมเงินสดได้แล้วกว่า 11,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 466,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองสำหรับการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ที่มีการเรียกร้องเกิน 50,000 ดอลลาร์ ส่วนเจ้าหนี้รายย่อยที่มีจำนวนเรียกร้องต่ำกว่านั้น ส่วนใหญ่ได้รับการชดเชยแล้ว
การล่มสลายของเอฟทีเอ็กซ์เริ่มขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 หลังมีการเปิดเผยว่า แซม แบงก์แมน-ฟรีด(Sam Bankman-Fried) อดีต CEO ของบริษัท ได้ใช้ทรัพย์สินลูกค้าในการสนับสนุนอาลาเมดา รีเสิร์ช(Alameda Research) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ กระบวนการฟื้นฟูและไถ่ถอนทรัพย์สินได้รับการดูแลโดยจอห์น เจย์ เรย์ ที่ 3 (John J. Ray III) บุคคลที่เคยเป็นผู้นำในกระบวนการชำระบัญชีของเอ็นรอน
ตามแถลงการณ์ของคณะกรรมการฟื้นฟูของเอฟทีเอ็กซ์ ระบุว่าสามารถกู้คืนทรัพย์สินที่หลากหลาย เช่น หุ้นในบริษัทเทคโนโลยีและคริปโต โดยรวมมีมูลค่ามากกว่า 11,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 463,500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าหนี้สินคงค้างของบริษัท และคาดว่าเจ้าหนี้จะได้รับการชำระเงินคืนในอัตรา *118% ถึง 119%* ของเงินต้น อย่างไรก็ตาม การประเมินค่าสินทรัพย์ยังอยู่บนฐานมูลค่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่คริปโต เช่น *บิตคอยน์(BTC)* ยังมีราคาต่ำ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าผู้ถือครองทรัพย์สินในรูปของเหรียญดิจิทัลอาจได้รับการชดเชยไม่เพียงพอในด้านมูลค่าที่แท้จริง
ในอีกด้านหนึ่ง วงการคริปโตต้องสั่นสะเทือนอีกครั้ง เมื่อข้อมูลเปิดเผยว่า *ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้ใช้อำนาจในการ *อภัยโทษ* ให้กับกลุ่มผู้ก่อตั้งบิทเม็กซ์(BitMEX) ซึ่งรวมถึงอาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes), เบนจามิน เดโล(Benjamin Delo), แซมมวล รีด(Samuel Reed) และพนักงานอีกหนึ่งรายคือ เกร็ก ดไวเออร์(Greg Dwyer) รวมทั้งบริษัทแม่ *HDR Global Trading* ทั้งหมดนี้เคยถูกกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐตั้งข้อหา ฐานละเมิดกฎหมายว่าด้วยความลับของธนาคาร (BSA) ในปี 2020 ทั้งยังยอมรับว่ามีนโยบายรู้จักลูกค้า (KYC) ที่ไม่เหมาะสม และได้รับโทษรอลงอาญาในภายหลัง
ยิ่งไปกว่านั้น บิทเม็กซ์ยังถูกคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ (CFTC) สั่งปรับเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,460 ล้านบาท ในปี 2021 จากการละเมิดกฎหมายการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ การอภัยโทษครั้งนี้จึงนับเป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่เป็นที่ *จับตา* ของทรัมป์ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเพิ่งอนุมัติการลดโทษให้ *รอส อัลบริชต์(Ross Ulbricht)* ผู้ก่อตั้งไซต์ ‘ซิลค์โร้ด’ (Silk Road) ไปก่อนหน้านี้
ในขณะเดียวกัน แซม แบงก์แมน-ฟรีดก็ยังคงพยายามหาช่องทางเพื่อขออภัยโทษ โดยการเปิดให้สัมภาษณ์ภายในเรือนจำ แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ “ความคิดเห็น” จากคนในวงการหลายรายระบุว่า การเคลื่อนไหวของทรัมป์อาจมีผลเชิงนโยบายต่อท่าทีของรัฐบาลสหรัฐต่อการกำกับดูแลคริปโตในระยะยาว และอาจส่งผลต่อการดำเนินคดีใดๆ ในอนาคตของผู้ที่มีรายชื่อในแวดวงคริปโตอีกด้วย
ความคิดเห็น 0