เทเธอร์(Tether) ทุ่ม 735 ล้านดอลลาร์ซื้อบิตคอยน์(BTC) ดันขึ้นแท่นผู้ถือครองอันดับ 6 ของโลก

เทเธอร์(Tether) บริษัทผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ ได้ขยายการถือครอง *บิตคอยน์(BTC)* อย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีกจำนวน 8,888 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 735 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.07 หมื่นล้านบาท) ส่งผลให้เทเธอร์กลายเป็นบริษัทที่ถือบิตคอยน์มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก

ตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนชื่อ สปอตออนเชน(Spot On Chain) เทเธอร์ขณะนี้ถือครองบิตคอยน์รวมทั้งสิ้น 92,647 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดประมาณ 7.64 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.11 หมื่นล้านบาท) โดยประเมินว่าเทเธอร์ทำกำไรจากการลงทุนครั้งนี้กว่า 3.86 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.64 แสนล้านบาท)

แม้ราคาบิตคอยน์จะลดลงประมาณ 12% ในไตรมาสเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 7 ปี แต่เทเธอร์ยังคงเดินหน้า *กลยุทธ์การเข้าซื้อ* อย่างมั่นคง สอดคล้องกับนโยบายที่บริษัทประกาศเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 ว่าจะจัดสรร 15% ของกำไรสุทธิรายไตรมาสเพื่อซื้อบิตคอยน์ กลยุทธ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการกระจายสินทรัพย์และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินสำรองของบริษัท

นอกจากบิตคอยน์แล้ว เทเธอร์ยังขยายการลงทุนไปยังหลากหลายธุรกิจเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การขุดบิตคอยน์ และระบบการสื่อสารแบบไร้ศูนย์กลาง ตอกย้ำทิศทาง *เชิงรุกในการบริหารสินทรัพย์*

ขณะที่เทเธอร์เร่งสะสมบิตคอยน์ ตลาดสเตเบิลคอยน์ก็ร้อนแรงขึ้นเช่นกัน โดยริปเปิล(XRP) ได้เปิดตัว RLUSD สเตเบิลคอยน์ใหม่ ขณะที่เซอร์เคิล(Circle) ผู้สร้างเหรียญ USDC ก็เร่งขยายตลาดในยุโรป ช่วงเวลาที่เทเธอร์ลดบทบาทลงในภูมิภาคดังกล่าวเนื่องจากข้อกำหนด MiCA ของสหภาพยุโรป

ในอีกด้านหนึ่ง เซอร์เคิลกำลังวางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ผ่านการเสนอขายหุ้น IPO ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ โดยมีเจพีมอร์แกนและซิตี้กรุ๊ปร่วมเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย หากการเสนอขายประสบความสำเร็จ ก็คาดว่าบริษัทจะมีมูลค่าระหว่าง 4 ถึง 5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 5.84 แสนล้านบาทถึง 7.3 แสนล้านบาท)

เทเธอร์เองก็แสดงท่าทีชัดเจนในการขยายการดำเนินงานเข้าสู่ตลาดสหรัฐ โดยเมื่อเดือนมกราคม พาโอลโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่าวิสัยทัศน์ *โปรคริปโตเคอร์เรนซี* ของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยสร้างบรรยากาศทางธุรกิจที่เอื้อต่อแผนการขยายตัวของบริษัทในอเมริกา

ในเดือนเดียวกัน เทเธอร์ยังได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ ซึ่งใช้บิตคอยน์เป็น *เงินตราอย่างถูกกฎหมาย* และเริ่มกระบวนการย้ายการดำเนินงานบางส่วนไปแล้ว

สำหรับภาพรวมผลประกอบการ เทเธอร์ทำสถิติใหม่อีกครั้งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 ด้วยกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.65 แสนล้านบาท) และในปี 2023 บริษัทมีกำไรสะสมรวมสูงถึง 7.7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.12 ล้านล้านบาท) ขณะที่มูลค่าตลาดของเหรียญ USDT ก็เติบโตถึง 30% แตะระดับ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17.5 ล้านล้านบาท) แสดงถึง *แรงหนุนอย่างต่อเนื่อง* ในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก