แฮชเรตของเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทะลุ 1 เซตตาแฮชต่อวินาที (ZH/s) ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ 16 ปีของบิตคอยน์ ยืนยันถึง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘การกระจายตัว’ ของเครือข่ายที่ยกระดับขึ้นอีกขั้น
จากข้อมูลของเมมพูลสเปซ(mempool.space) เมื่อวันที่ 5 บิตคอยน์มีแฮชเรตสูงสุดที่ 1.025 ZH/s ขณะที่อีกหนึ่งแหล่งข้อมูล BTC Frame รายงานว่าทะลุ 1.02 ZH/s เมื่อวันที่ 4 และทาง Coinwarz วิเคราะห์ว่า แฮชเรตพุ่งขึ้นสูงสุด 1.1 ZH/s ที่บล็อกความสูง 890,915 โดยคาดว่าแตะระดับ 1 ZH/s ครั้งแรกในวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
ความแตกต่างของตัวเลขดังกล่าวเกิดจาก ‘วิธีการคำนวณ’ แฮชเรตที่หลากหลาย โดยขึ้นอยู่กับช่วงเวลาการสร้างบล็อก, รอบปรับความยาก และจำนวนบล็อกที่ใช้วัดผล เจมส์ ลอบ(Jameson Lopp) นักเคลื่อนไหวในวงการคริปโตฯ เคยเขียนบล็อกว่า “การดูข้อมูลจากเพียงบล็อกเดียว อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้ถึง 0.04 ZH/s” ขณะที่ มิทเชล แอสคิว(Mitchell Askew) นักวิเคราะห์ของ Blockware ระบุ “แฮชเรตในช่วงสั้นอาจผันผวน เพราะธรรมชาติการสร้างบล็อกที่สุ่ม” โดยเมื่อดูค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน แฮชเรตยังคงอยู่ที่ประมาณ 0.845 ZH/s
การที่บิตคอยน์ทะลุ 1 ZH/s หมายถึงมีพลังประมวลผลทะลุ 1,000 เอกซะแฮช(EH/s) หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 เท่าเมื่อเทียบกับระดับ 1 EH/s เมื่อปี 2016 นับเป็นหลักฐานบ่งบอกถึง ‘ความมั่นคงของระบบ’ และลดความเป็นไปได้ของการโจมตีแบบ 51% ได้อย่างชัดเจน
เพื่อเปรียบเทียบ ลองดูที่ไลต์คอยน์ ซึ่งใช้ระบบงานพิสูจน์ด้วยการทำงาน(PoW) แบบเดียวกัน ปัจจุบันมีแฮชเรตเพียงประมาณ 2.49 เพตาแฮช(PH/s) หรือประมาณ 1 ส่วน 40,000 ของบิตคอยน์เท่านั้น แสดงให้เห็นว่า บิตคอยน์คือ ‘เครือข่ายบล็อกเชนที่แข็งแกร่งที่สุด’ ณ ปัจจุบัน
การพุ่งขึ้นของแฮชเรตตั้งอยู่บนพื้นฐานของการขยายการลงทุนจากผู้ประกอบการเหมือง ตั้งแต่บริษัทขุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างก็เร่งเพิ่มกำลังผลิต แอสคิวกล่าวว่า “แม้ผู้ประกอบการจะลงทุนในเครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ถ้าราคาบิตคอยน์ไม่กลับมา ก็มีความเสี่ยงสูงที่ผู้ขุดรายย่อยจะต้องออกจากตลาด”
บริษัทที่ถือว่ามีกำลังขุดมากที่สุดในตอนนี้คือ มารา โฮลดิงส์(MARA Holdings) ที่ดำเนินการมากกว่า 50 EH/s ส่วนกลุ่มเหมืองรายใหญ่ในเครือข่ายบิตคอยน์ ส่วนใหญ่อยู่ในมือของ Foundry USA Pool และ AntPool จากข้อมูลของ CompaniesMarketCap.com ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนอย่างน้อย 24 แห่งที่ดำเนินธุรกิจขุดบิตคอยน์ อาทิ ไรออต แพลตฟอร์ม(Riot Platforms), คอร์ ไซแอนทิฟิก(Core Scientific), คลีนสปาร์ค(CleanSpark), ฮัต8 ไมนิง(Hut 8 Mining) และ เทราวูล์ฟ(TeraWulf)
‘ที่น่าจับตา’ คือ ตัวเลขแฮชเรตที่ทำลายสถิติเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดทั่วโลกอยู่ในภาวะขาลงหนัก โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ สูญเสียมูลค่าราว 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 2 วัน และช่วงต้นเมษายน ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเกือบ 10% ลดลงสู่ระดับประมาณ 78,750 ดอลลาร์ โดยมีการวิเคราะห์ว่าเป็นผลจาก ‘ความกังวลภาวะถดถอย’ ที่เกิดขึ้นหลังจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ว่าด้วยนโยบายภาษี
ในภาพรวม การที่แฮชเรตทำสถิติใหม่เป็นประกายสะท้อนถึงการพัฒนาทั้งด้าน ‘เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์’, ‘การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น’ และ ‘การลงทุนที่เพิ่มขึ้น’ ในอุตสาหกรรมขุด แต่หากราคาบิตคอยน์ไม่ฟื้นตัว อาจกระทบต่อ ‘ผลกำไรและความอยู่รอด’ ของผู้ประกอบการ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปแบบของอีโคซิสเต็มการขุดในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0