เหรียญมีมบนเครือข่ายโซลานา(SOL) อย่างฟาร์ตคอยน์(Fartcoin) กำลังเป็นที่สนใจในตลาดคริปโตอย่างรวดเร็ว หลังจากราคาพุ่งขึ้นเกิน 200% จากระดับต่ำสุดเมื่อเดือนก่อน โดยเมื่อวันที่ 8 ราคาแตะที่ 0.5768 ดอลลาร์ ทำให้ฟาร์ตคอยน์กลายเป็นหนึ่งในเหรียญที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในกลุ่ม 100 อันดับแรก แม้ตลาดโดยรวมจะยังซบเซา ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงกระตุ้นให้เกิดการวิเคราะห์อย่างกว้างขวางถึงสาเหตุและความเป็นไปได้ในการรักษาโมเมนตัมนี้
จากมุมมองทางเทคนิค ฟาร์ตคอยน์กำลังแสดงสัญญาณ ‘แนวโน้มแข็งแกร่ง’ ผ่านรูปแบบคลาสสิกที่เรียกว่า ‘ถ้วยและหูจับ’ โดยราคายังคงยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (EMA) ได้อย่างมั่นคง ขณะที่ค่า ‘ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์’ (RSI) และ ‘MACD' ต่างก็ยังสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้น หากสามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 0.7153 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ก็มีโอกาสทดสอบเป้าหมายถัดไปที่ 1.1645 ดอลลาร์ และอาจไปได้ไกลถึง 1.2285 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดแนวรับหลักที่ 0.355 ดอลลาร์ แนวโน้มบวกอาจถูกล้มล้างทันที
ความโดดเด่นของฟาร์ตคอยน์ยิ่งชัดเจนในบรรยากาศตลาดที่กำลังซึมเซาโดยทั่วไป โดยแม้แต่สินทรัพย์หลักอย่างทองคำ พันธบัตรสหรัฐ บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ต่างก็ปรับตัวลดลง แต่ฟาร์ตคอยน์กลับพุ่งขึ้นอีก 8% ซึ่งทำให้ เอริก บาลชูนาส(Eric Balchunas) นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg ถึงกับตั้งคำถามว่า อะไรคือแรงผลักดันเบื้องหลัง
มีสามเหตุผลหลักที่ถูกเสนอเป็นปัจจัยเบื้องหลังการพุ่งขึ้นของราคา ประการแรก คือความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ หากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย หรือความตึงเครียดด้านการค้าลดลง ก็อาจกระตุ้นให้ความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาอีกครั้ง
ประการที่สอง คือ ฟาร์ตคอยน์มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่ง โดยมีสมาชิกในชุมชนกว่า 150,000 ราย รวมถึงการสังเกตเห็นการเข้าซื้อสะสมจากนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็น ‘แรงสนับสนุนที่ไม่ใช่เชิงราคา’ และลดความกังวลด้านการเทขายในอนาคต เนื่องจากโทเคนส่วนใหญ่ได้เข้าสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว
ประการที่สาม ข้อมูลบนเชนชี้ว่าธุรกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่า 10,000 – 100,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 - 14.6 ล้านบาท) มีจำนวนน้อยมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงบ่งชี้ว่าแรงซื้อหลักมาจากนักลงทุนรายย่อยมากกว่าการปั่นราคาจากรายใหญ่ ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือในการปรับตัวขึ้นครั้งนี้
แม้การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของฟาร์ตคอยน์จะสร้างความตื่นเต้นในตลาดมีมคอยน์ แต่ปัจจัยต่อไปที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางราคา ก็คือความสามารถในการเบรกผ่านแนวต้านสำคัญ รวมถึงการตอบสนองของตลาดต่อปัจจัยภายนอก เช่น นโยบายของรัฐบาลสหรัฐ ภาวะเศรษฐกิจโลก และการควบคุมที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ‘ความคิดเห็น’ ตลาดมีมคอยน์ยังคงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แม้มีกำไรสูงแต่ก็แฝงด้วยความผันผวนอย่างรุนแรง
ความคิดเห็น 0