ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ท่ามกลางบรรยากาศที่ตึงเครียดจากนโยบายการเงินสหรัฐฯ และความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยราคาบิตคอยน์(BTC)ทรุดตัวลง ทำให้มูลค่าตลาดหายไปราว 6.8 พันล้านล้านวอน หรือประมาณ 500,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นแนสแด็ก และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ยังตอกย้ำความวิตกของนักลงทุนทั่วโลก
ชนวนความขัดแย้งระลอกใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน เกิดจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในอัตราสูง ทำให้กระทรวงการต่างประเทศจีนแสดงท่าทีตอบโต้รุนแรง โดยมีการตั้งเป้าดำเนินมาตรการตอบโต้กลับ นอกจากนี้ จีนยังได้เริ่มลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น และสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดตราสารหนี้
ปีเตอร์ ตวน นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ มองว่า สถานการณ์นี้ไม่ใช่แค่การค้า แต่เป็นการต่อสู้ด้าน ‘อธิปไตยทางการเงิน’ โดยเขาระบุว่า “ทรัมป์พยายามรีไฟแนนซ์พันธบัตรมูลค่า 6.5 ล้านล้านดอลลาร์ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่จีนกลับดึงอัตราผลตอบแทนให้สูงขึ้นผ่านการขายพันธบัตร” พร้อมเปรียบเทียบสถานการณ์นี้ว่าเป็น “เกมไก่ที่ใหญ่มากที่สุดในโลก”
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ยังไม่ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE)อย่างเป็นทางการ แต่กลับมีความเคลื่อนไหวในการเติมสภาพคล่องผ่านโครงการ reverse repurchase agreement (RRP) โดยยอดคงเหลือของโครงการนี้ลดลงจากราว 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 เหลือเพียงประมาณ 148,000 ล้านดอลลาร์ในตอนนี้ ถูกตีความว่าเป็นการ 'อัดฉีดเงินแบบลับๆ' ซึ่งช่วยให้ระบบมีเงินหมุนเวียนในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี เมื่อ RRP ใกล้หมดลง ความกังวลต่อการขาดสภาพคล่องก็กลับมาทวีความรุนแรง
ผลกระทบดังกล่าวส่งตรงมายังตลาดคริปโต โดยราคาบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่า 75,000 ดอลลาร์ ก่อนจะดีดกลับมาเล็กน้อย แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในภาวะเปราะบาง ขณะที่อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA) และโดชคอยน์(DOGE) ต่างก็เผชิญแรงขายจากภาวะขาดแคลนสภาพคล่องเช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์บางคนตั้งความหวังว่า หากเฟดกลับมาใช้ QE อย่างเป็นทางการอีกครั้ง ตลาดคริปโตอาจเข้าสู่ช่วงขาขึ้นเหมือนในปี 2020 ได้อีกครั้ง
อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์ มองโลกในแง่ดี โดยกล่าวว่า “ถ้าประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ราคาบิตคอยน์อาจขึ้นไปถึงระดับ 250,000 ดอลลาร์” พร้อมเสริมว่าเขามองช่วงที่เฟดเริ่มเคลื่อนไหวควบคู่กับความเชื่อมั่นในตลาด เป็นตัวแปรสำคัญสู่การสร้างจุดสูงสุดใหม่
แม้กระนั้น ยังไม่มีใครสามารถตอบได้อย่างแน่ชัดว่า นโยบายการเติมสภาพคล่องโดยไม่เป็นทางการของเฟดจะดำเนินต่อได้นานแค่ไหน หากเฟดย้อนกลับมาดูดคืนสภาพคล่อง หรือจีนยกระดับมาตรการตอบโต้ทางการเงิน ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีอาจต้องรับมือกับความผันผวนที่รุนแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ความคิดเห็น 0