ทรัมป์เขย่าตลาดโลก! ภาษีโต้จีนอาจกระตุ้นเงินทุนไหลสู่คริปโต

ตลาดการเงินทั่วโลกสั่นสะเทือนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อวันที่ 9 ว่า จะ ‘ระงับการขึ้นภาษีตอบโต้’ บางประเทศเป็นเวลา 90 วัน และลดอัตราภาษีสำหรับประเทศที่ไม่มีมาตรการโต้กลับลงเหลือ 10% ขณะเดียวกัน เขายกระดับแรงกดดันต่อจีน ด้วยการเปิดเผยแผนการจัดเก็บ ‘ภาษีตอบโต้’ ที่อัตรา 125% เพื่อตอบโต้มาตรการของปักกิ่ง

คำแถลงนี้ถูกประกาศผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social โดยทรัมป์ระบุว่า “จีนจะต้องตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถเอาเปรียบสหรัฐและนานาประเทศต่อไปได้” ท่ามกลางสถานการณ์ที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ซึ่งเพิ่มระดับ ‘ความไม่แน่นอนของตลาด’ อย่างชัดเจน

หลังแถลงการณ์ดังกล่าว การเคลื่อนไหวในดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐก็รุนแรงขึ้นทันที โดยข้อมูลจากแพลตฟอร์ม TradingView ระบุว่า ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้นกว่า 7% ภายในวันเดียว สะท้อนถึงความผันผวนสูงสุดในรอบหลายเดือน โดยเบื้องหลังการพุ่งขึ้นนี้เกิดจากความหวังเกี่ยวกับการเจรจาการค้า แม้จะมี ‘ความเสี่ยงของความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ’

ความเคลื่อนไหวของทรัมป์เกี่ยวกับ ‘นโยบายภาษี’ ยังมีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อสภาพจิตวิทยาการลงทุน นักลงทุนตอบสนองต่อข่าวลือและแถลงการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ผ่านการปรับพอร์ตครั้งใหญ่ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ข่าวลือเกี่ยวกับการพิจารณาระงับภาษีก็ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเพิ่มมูลค่าตลาดกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 2,920 ล้านล้านวอน กลายเป็นตัวอย่างล่าสุดของการ ‘ซื้อข่าวลือ’

ส่วนในตลาดอนุพันธ์ ความไม่แน่นอนยังสะท้อนผ่านดัชนีความผันผวน VIX ซึ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 60 ในวันที่ 7 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเทขายเงินเยนเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน แม้ตัวดัชนีจะลดลงมาอยู่ที่ 37.5 ในเวลาต่อมา แต่ ‘ความผันผวนระดับสูง’ ยังคงอยู่

ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ บางความเห็นชี้ว่าทุนส่วนหนึ่งอาจ ‘เคลื่อนไปสู่สินทรัพย์ทางเลือก’ เช่น คริปโตเคอร์เรนซี อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์ วิเคราะห์ว่า หากเหตุการณ์นี้นำไปสู่ ‘การลดค่าเงินหยวนอย่างมีนัยสำคัญ’ นักลงทุนชาวจีนอาจหันหนีสินทรัพย์แบบเดิม และย้ายเงินเข้าตลาดคริปโต เขาอ้างถึงเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันซึ่งเกิดขึ้นในปี 2013 และ 2015 ว่า ความเคลื่อนไหวแบบนี้ ‘เคยเกิดขึ้นมาแล้ว’

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ‘นโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์’ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตาม ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อตลาดหุ้น แต่ยังมี ‘ศักยภาพในการเขย่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล’ ในวงกว้างอีกด้วย ความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของผู้นำสหรัฐอเมริกาอาจชี้ชะตาทิศทางของคริปโตอย่างมีนัยยะก็เป็นได้