รัฐสภาอาร์เจนตินาผ่านมติให้เริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเลย์ กรณีถูกกล่าวหาว่า *ส่งเสริมมิมคอยน์ลิบรา(LIBRA)* จนนำไปสู่ความเสียหายจากการหลอกลวง นักลงทุนจำนวนมากได้รับผลกระทบหลังจากโครงการถูกมองว่าเป็น *รู้กพูล (Rug Pull)* หรือการหลอกลงทุนแล้วเชิดเงินหนี
เมื่อวันที่ 8 ตามรายงานของสำนักข่าว Buenos Aires Times สภาผู้แทนราษฎรโหวตผ่านมติด้วยคะแนน 128 ต่อ 93 เสียง เพื่อเริ่มการตรวจสอบบทบาทของประธานาธิบดีในเหตุการณ์นี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้วุฒิสภาจะลงมติไม่ผ่านข้อเสนอดังกล่าวไปแล้วก็ตาม
ข้อกล่าวหาหลักระบุว่า มิเลย์ใช้สถานะทางการเมืองและผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียกว่า 3.8 ล้านคนในการ *กระตุ้นความน่าสนใจในลิบรา* ส่งผลให้ราคาของเหรียญพุ่งขึ้นระดับสูงสุดถึง 5 ดอลลาร์ในช่วงเวลาสั้น ๆ มูลค่าตลาดรวมพุ่งแตะราว 5.84 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 85,200 ล้านบาท) ก่อนจะทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อลิบรา *ถูกกล่าวหาว่าเป็นการฉ้อโกงโดยสิ้นเชิง*
ผู้เชี่ยวชาญหลายราย อาทิ โจนาธาน บัลดิเบียโซ นักกฎหมาย และเคลาดิโอ โรซาโน อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางอาร์เจนตินา ได้ออกมายื่นฟ้องต่อมิเลย์ในข้อหาฉ้อโกง ขณะที่องค์การภาคประชาชน Observatorio del Derecho a la Ciudad ระบุว่า มิเลย์มีส่วนร่วมกับเครือข่ายผิดกฎหมายในการ *กวาดเงินลงทุนจากผู้คนกว่า 40,000 ราย* คิดเป็นความเสียหายรวมกว่า 5.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 84,600 ล้านบาท)
ข้อมูลจากเครือข่ายบล็อกเชนรายงานว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นักลงทุนที่ขาดทุนจากลิบรา *มีมูลค่ารวมประมาณ 251 ล้านดอลลาร์* (ราว 3,665 ล้านบาท) โดยกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลที่มียอดซื้อขายเกิน 1,000 ดอลลาร์กว่า 15,430 ใบนั้น มีสัดส่วนการขาดทุนสูงถึง 86%
อย่างไรก็ตาม มิเลย์ได้ออกมาปฏิเสธความรับผิดในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยระบุว่าเขา "ไม่ได้โปรโมต แต่แค่แชร์โพสต์" เท่านั้น กระนั้นผู้ใช้งานโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์โดยชี้หลักฐานจากโพสต์สนับสนุนจำนวนมาก *ที่สะท้อนถึงบทบาทที่เขามีต่อโครงการดังกล่าว*
อีกประเด็นที่สร้างกระแสวิจารณ์คือ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการเชื่อมโยงที่ใกล้ชิดกับครอบครัวของประธานาธิบดี โดยมีข้อความหลุดจาก เฮย์เดน เดวิส ผู้พัฒนาโครงการลิบรา ซึ่งอ้างว่า หากส่งเงินให้คารินา มิเลย์ น้องสาวของประธานาธิบดี ตัวของประธานาธิบดีจะช่วยโปรโมตโครงการผ่านทวิตเตอร์ *ตามคำสั่งของเขา* เอง
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า กรณีลิบราอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางการเมืองและกฎหมายในวงกว้าง เพราะไม่ใช่แค่ความล้มเหลวของโครงการคริปโตทั่วไป แต่เป็นสถานการณ์ที่ *ตำแหน่งประธานาธิบดีถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาผลประโยชน์* อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0