กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งยุบทีมสืบสวนอาชญากรรมคริปโตระดับชาติ (NCET) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฉพาะทางด้านสกุลเงินดิจิทัล โดยมีรายงานว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนนโยบายใหม่ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เดินหน้าสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างเปิดเผยมากขึ้น และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของทิศทางรัฐบาลกลางต่อสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต
เมื่อวันที่ 8 ตามรายงานของนิตยสาร Fortune มีการเปิดเผยว่า เมโมภายในที่แจ้งการยุบ NCET ดังกล่าวถูกส่งโดยทอดด์ บลองช์(Todd Blanche) รองอธิบดีฝ่ายนโยบายของกระทรวงฯ ซึ่งวิจารณ์ว่ารัฐบาลชุดก่อนใช้ “กลยุทธ์ฟ้องคดี” เป็นเครื่องมือควบคุมคริปโตอย่างเกินขอบเขต พร้อมกล่าวย้ำว่า “กระทรวงยุติธรรมไม่ใช่องค์กรกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล”
บลองช์ถือเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาทางกฎหมายคนสำคัญของทรัมป์ โดยเคยเป็นทนายความให้ในคดีสำคัญอย่างคดี ‘hush money’ ในรัฐนิวยอร์ก และคดีเอกสารลับช่วงเลือกตั้งปี 2020 โดยปัจจุบันเขามีบทบาทระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม
ทีม NCET ถูกจัดตั้งขึ้นในเดือนตุลาคม 2021 สมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยมีภารกิจในการตรวจสอบอาชญากรรมผ่านคริปโต เช่น การฟอกเงินและการทำธุรกรรมผิดกฎหมาย โดยในช่วงที่ลิซา โมนาโกดำรงตำแหน่งรองรัฐมนตรี ได้ประกาศเจตนารมณ์ชัดเจนว่า จะ “รื้อถอนโครงสร้างการเงินผิดกฎหมายในแพลตฟอร์มดิจิทัล”
นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ทีม NCET ได้มีบทบาทในคดีสำคัญหลายกรณี ทว่าต้องปิดตัวลงหลังทำงานได้เพียงราว 2 ปี โดยการยุบทีมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งพิเศษที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อปลายเดือนมกราคม ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความเป็นผู้นำในเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล และมีผลบังคับใช้ทันที
รัฐบาลทรัมป์แสดงจุดยืน *เป็นมิตรกับคริปโต* มาตั้งแต่ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแนวคิดการถือครองเงินสำรองด้วยบิตคอยน์(BTC) การตั้งเป้าเป็นผู้นำในตลาดโลก หรือการแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมคริปโต ล่าสุดยังมีการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) ที่มีแนวโน้มสนับสนุนคริปโต และเซ็นข้อตกลงระหว่าง ‘ทรัมป์ มีเดีย’ กับคริปโตดอทคอม เพื่อสำรวจแนวทางการเปิดตัว ETF ที่เกี่ยวกับคริปโต
อย่างไรก็ตาม กำลังเกิดข้อถกเถียงเรื่อง *ผลประโยชน์ทับซ้อน* ที่อาจเกิดขึ้นจากโครงการที่ครอบครัวของทรัมป์มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น ‘เวิลด์ลิเบอร์ตีไฟแนนเชียล’ (WLFI) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi, เหรียญมีม ‘ออฟฟิเชียลทรัมป์’(TRUMP) หรือเหรียญเสถียร USD1 ที่ผูกกับดอลลาร์ โดยมีข้อสงสัยเรื่องการทำธุรกรรมแบบวงในและประเด็นการขัดแย้งกับกฎระเบียบ บางฝ่ายแย้งว่าพฤติกรรมเหล่านี้เกิดจาก ‘บอต MEV’ ที่ทำการซื้อขายอัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่สามารถสยบเสียงวิตกในสภาคองเกรสได้
เมื่อเดือนที่แล้ว สมาชิกวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต 5 ราย เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับการเงินตรวจสอบผลกระทบของ USD1 ต่อระบบดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อต้นเดือนนี้ แม็กซีน วอเทอร์ส ส.ส.จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ยังแสดงความกังวลว่าทรัมป์อาจมีแผนผลักดันให้ USD1 กลายเป็น ‘ทางเลือกใหม่’ สำหรับสกุลเงินประจำชาติ
การยุบ NCET จึงอาจเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญของแผน *ปฏิรูประบบกำกับดูแลคริปโต* อย่างจริงจังสมัยทรัมป์ ที่เน้นปลดล็อกอุปสรรคทางอุตสาหกรรมมากกว่าการบังคับใช้กฎหมายเฉพาะทาง แม้จะยังต้องเผชิญแรงต้านในสภาและความไม่แน่นอนจากตลาด แต่ก็ส่งสัญญาณชัดว่า *การผลักดันคริปโตสู่นโยบายประเทศ* กำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ความคิดเห็น 0