ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหัวเซี่ย(Huaxia Fund) ในฮ่องกง เตรียมเปิดให้บริการ ‘สเตกกิ้ง’ สำหรับกองทุนอีเธอเรียม(ETH) แบบ ETF ของตน ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งถือเป็นกรณีที่สองในฮ่องกงที่กองทุน ETF แบบคริปโตฯ มีฟังก์ชันนี้ โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้กองทุนไม่ใช่เพียงสินทรัพย์ลงทุนแบบ ‘พาสซีฟ’ อีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้มีบทบาทโดยตรงในระบบนิเวศของอีเธอเรียม
หัวเซี่ยเป็นบริษัทย่อยของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรายใหญ่ของจีนอย่างไชน่าแอสเซทแมเนจเมนต์(China Asset Management) ซึ่งเป็นผู้เปิดตัวกองทุนอีเธอเรียม ETF รายแรกในฮ่องกงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา สำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานของสเตกกิ้งและการดูแลสินทรัพย์จะได้รับการสนับสนุนจาก OSL แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกง ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นคงให้กับบริการดังกล่าว
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งฮ่องกง(SFC) ได้ปรับปรุงระเบียบเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา อนุญาตให้ศูนย์ซื้อขายแบบรวมศูนย์และตัวแทนลงทุนสามารถให้บริการสเตกกิ้งได้ เป็นการเปิดทางให้เกิดผลิตภัณฑ์การเงินคริปโตที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งการตัดสินใจของหัวเซี่ยก็สอดคล้องกับกรอบระเบียบใหม่นี้โดยตรง
SFC ระบุว่า การให้บริการสเตกกิ้งมี ‘ศักยภาพ’ ในการเสริมความปลอดภัยของเครือข่ายบล็อกเชน และสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุน ซึ่งกลไกของสเตกกิ้งก็คือการนำเหรียญดิจิทัลไปฝากไว้ในเครือข่ายเพื่อช่วยยืนยันข้อมูลบนบล็อกเชน และได้รับค่าตอบแทนเป็นผลตอบแทนประจำ
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือน บริษัทร่วมทุนโบเซรา แฮชคีย์(Bosera HashKey) ได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้ให้บริการสเตกกิ้งสำหรับ ETF รายแรกของฮ่องกง โดยระบุว่ารายได้จากสเตกกิ้งจะถูกนำไป ‘ลงทุนซ้ำ’ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นกองทุน
จากข้อมูลของ Coinbase ผู้ถือครองอีเธอเรียมในปัจจุบันสามารถคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ยจากการสเตกกิ้งในอัตรา 2.14% ต่อปี ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดขายของ ETF อีเธอเรียม ที่มีสเตกกิ้งติดตั้งมาด้วย เนื่องจากผู้ลงทุนจะมีโอกาสสร้างกำไรได้มากกว่าแค่การรอให้ราคาพุ่งเพียงอย่างเดียว
ความคิดเห็น 0