Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อีเธอเรียม(ETH) จ่อเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอนาคต หลังเปิดศักยภาพแก้ปัญหา 'กล่องดำ'

Tue, 15 Apr 2025, 13:13 pm UTC

อีเธอเรียม(ETH) จ่อเป็นศูนย์กลาง AI แห่งอนาคต หลังเปิดศักยภาพแก้ปัญหา 'กล่องดำ' / Tokenpost

อีเธอเรียม(ETH)อาจกลายเป็นพันธมิตรสำคัญของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI)ในอนาคต จากโอกาสครั้งใหญ่ที่กำลังรออยู่ เนื่องจากเทคโนโลยีสองแขนงนี้สามารถเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อวันที่ 15 อีริค คอนเนอร์(Eric Conner) อดีตนักพัฒนาหลักของอีเธอเรียม ได้โพสต์ผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ระบุว่า “ขณะที่ AI กำลังก้าวเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างชีวิตประจำวัน อีเธอเรียมมีศักยภาพที่จะกลายเป็นศูนย์กลางการแก้ปัญหา ด้วยความโปร่งใส ระบบกระจายอำนาจ และโครงสร้างจูงใจที่มีอยู่แล้ว”

คอนเนอร์ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรม AI เช่น ‘โมเดลกล่องดำ’, การควบคุมข้อมูลแบบรวมศูนย์ และการละเมิดความเป็นส่วนตัว โดยเขาเชื่อว่า ‘ข้อจำกัด’ เหล่านี้ คือ ‘โอกาส’ ที่อีเธอเรียมสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญได้ แพลตฟอร์มนี้มีความสามารถในการสร้างความโปร่งใสผ่านสมาร์ทคอนแทรกต์ที่ตรวจสอบได้ และยังสามารถป้องกันการผูกขาดด้วยโครงสร้างแบบไร้ศูนย์กลาง ส่วนการออกแบบค่าตอบแทนผ่านโทเคนและโครงสร้างการชำระเงินแบบไมโครก็ถือเป็นจุดแขกอีกด้านหนึ่ง

หนึ่งในตัวอย่างสำคัญของการนำอีเธอเรียมมาใช้แก้ 'ปัญหากล่องดำ' ใน AI คือการใช้สมาร์ทคอนแทรกต์เพื่อเพิ่มความโปร่งใสให้กับข้อมูลและกระบวนการฝึกของโมเดล AI อย่างไรก็ตาม คอนเนอร์เตือนว่าบริษัท AI รายใหญ่ เช่น กูเกิล และโอเพนเอไอ อาจต่อต้านแนวทางแบบเปิด เนื่องจากความลับและการควบคุมคือแหล่งรายได้หลักของพวกเขา แต่เขากลับมองว่า ความต้องการด้านความโปร่งใส ยุติธรรม และความปลอดภัยจะมีแต่จะเพิ่มขึ้น และอีเธอเรียมสามารถนำเสนอ ‘ทางเลือกใหม่’ ที่ตอบโจทย์ได้

เขาเสริมว่า “อีเธอเรียมคือแพลตฟอร์มที่มีปรัชญาเรื่องความเปิดกว้าง การทำงานร่วมกัน และความไว้วางใจขั้นต่ำ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับแนวโน้มของ AI แบบมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ” และหากสามารถผลักดันงานวิจัยและนำเสนอกรณีใช้งานที่จับต้องได้ อีเธอเรียมจะสามารถขยายบทบาทจากโลกการเงินไปสู่วงการ AI ได้อย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ คอนเนอร์ได้ประกาศเมื่อเดือนมกราคมว่าเขาจะยุติบทบาทในชุมชนอีเธอเรียม เพื่อหันมาโฟกัสกับภาค AI อย่างเต็มตัว โดยตามข้อมูลจากบล็อกของมูลนิธิอีเธอเรียม พบว่าปัจจุบันมีการพัฒนา ‘AI เอเจนต์’ บนอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่อง AI เอเจนต์คือซอฟต์แวร์อิสระที่เรียนรู้ ตัดสินใจ และปรับตัวผ่านข้อมูล ซึ่งเมื่อรวมกับบล็อกเชน จะเพิ่มพลังให้เอเจนต์เหล่านี้ยิ่งกว่าที่เคย

แพลตฟอร์มอีเธอเรียมยังเหมาะสมกับ AI เอเจนต์ด้วยเหตุผลสำคัญ เช่น ความสามารถเข้าถึงข้อมูลบล็อกเชนเรียลไทม์ การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง และการทำงานอัตโนมัติผ่านสมาร์ทคอนแทรกต์ ตัวอย่างโครงการที่เห็นได้ชัด ได้แก่ ‘ลูนา(Luna)’ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนที่ควบคุมกระเป๋าเงินออนเชนอย่างอิสระ ‘AIXBT’ ที่ให้บริการวิเคราะห์ด้านตลาด และ ‘Botto’ ศิลปินกระจายศูนย์ที่สร้าง NFT โดยการโหวตของชุมชน

ด้านบริษัท Bankr และ HeyAnon ต่างก็เริ่มใช้อินเทอร์เฟซสนทนา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและทำธุรกรรมบนเครือข่ายอีเธอเรียมผ่านแชตเพียงอย่างเดียว ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าการรวมกันของอีเธอเรียมและ AI กำลังลบเส้นแบ่งเดิมๆ ลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ซาอิน จาเฟอร์(Zain Jaffer) ผู้ร่วมก่อตั้ง Vungle ก็ได้แสดงความเห็นว่า “เขตแดนถัดไปของอุตสาหกรรมคริปโตคือการกระจายอำนาจของ AI” ความคิดเห็นนี้ตอกย้ำว่าทั้งสองเทคโนโลยีกำลังเดินมาบรรจบกันในจุดตัดที่ทรงพลังแห่งอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1