อีเธอเรียม(ETH) กำลังเผชิญแรงกดดันด้านราคามากขึ้น หลังจากมีการไหลออกของเงินลงทุนจาก ETF อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกิจกรรมบนเครือข่ายที่ลดลง
เมื่อวันที่ 12 ตามข้อมูลจากวงการในสหรัฐ พบว่า ETF อ้างอิงอีเธอเรียมแบบถือครองสินทรัพย์จริงต่างบันทึกยอดเงินทุนไหลออกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 โดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีเงินทุนออกจาก ETF ทั้งหมด 9 ตัว รวมกว่า 82.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,204 พันล้านวอน)
ในวันที่ 11 เพียงวันเดียว เกิดการไหลออกอีก 29.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 426 พันล้านวอน) ถือเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันที่มีเงินทุนไหลออก โดยกองทุน แกรย์สเกล อีเธอเรียม ทรัสต์(ETHE) มีการถอนเงินสูงสุดถึง 26.1 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ บิทไวส์(ETHW) มีการไหลออกที่ 3.1 ล้านดอลลาร์
การถอนทุนอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนรายใหญ่ส่งผลให้อีเธอเรียมมีราคาลดลงประมาณ 10% เทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า นอกจากนี้ การใช้งานบนเครือข่ายก็ลดลง โดยจำนวนกระเป๋าเงินที่ใช้งานจริงบนบล็อกเชนอีเธอเรียมหดตัวลงถึง 33% ภายในหนึ่งเดือน ในขณะที่ โซลานา(SOL) ลดลง 16% และ ทรอน(TRON) กลับเติบโตขึ้น 16%
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดออกมาปรับลดคาดการณ์ราคาปลายปีของอีเธอเรียมลงถึง 60% โดยระบุถึงปัญหาเรื่อง *ความสามารถในการขยายตัว* และการเผชิญกับการแข่งขันที่หนักขึ้น อีกทั้งยังชี้ว่า ความจำเป็นต้องพึ่งพาเครือข่ายเลเยอร์ 2 ที่มากขึ้นอาจกลายเป็น *จุดอ่อน* สำหรับเครือข่ายอีเธอเรียม พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายราคาใหม่ที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม วงการยังประเมินว่าหาก *อีเธอเรียมร่วงต่ำกว่าระดับ 1,500 ดอลลาร์* ก็อาจลงไปได้ถึง 1,300 หรือแม้แต่ 1,200 ดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน ถ้าฝ่าแนวต้านที่ 1,700 ดอลลาร์ไปได้ ก็มีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นไปที่ 1,900 หรือ 2,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น *ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์บางฝ่ายระบุว่าควรจับตาพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันในช่วงไตรมาสหน้าเป็นพิเศษ
ความคิดเห็น 0