สเตกกิ้งอาจถูกเพิ่มในอีเธอเรียม ETF ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หากได้รับไฟเขียวจาก SEC ตามการคาดการณ์ของเจมส์ เซย์เฟิร์ต นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ซึ่งระบุเมื่อวันที่ 9 ว่า ‘อาจมีการอนุมัติฟีเจอร์สเตกกิ้งในอีเธอเรียม(ETH) ETF ได้เร็วสุดในเดือนพฤษภาคม’ อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าเส้นตายการอนุมัติน่าจะไปอยู่ช่วงปลายเดือนตุลาคม โดยกระบวนการอาจค่อยๆ ดำเนินอย่างเป็นลำดับ
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้อนุมัติการซื้อขายออปชันบนกองทุน ETF อีเธอเรียมแบบ *สินทรัพย์จริง* ซึ่งตามหลังการอนุมัติ ETF บิตคอยน์(BTC) เมื่อต้นปี ETF หลายแห่งจึงยังคงอยู่ระหว่างการหารือกับ SEC ถึงแนวทางการเพิ่มฟีเจอร์ ‘สเตกกิ้ง’ เข้าไปใน ETF อีเธอเรียม โดยการอนุมัติออปชันถูกตีความว่าเป็น ‘ก้าวกลาง’ สู่การยอมรับฟีเจอร์ดังกล่าว
สำหรับ ‘สเตกกิ้ง’ คือการนำเหรียญ ETH ไปแช่ไว้ในเครือข่ายบล็อกเชนเพื่อร่วมช่วยประมวลผลระบบ และผู้ที่สเตกจะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเหรียญ ทั้งนี้ หากฟีเจอร์นี้ถูกรวมเข้าไปใน ETF อีเธอเรียม นักลงทุนนอกจากจะได้ประโยชน์จากราคาที่พุ่งขึ้นของโทเคนแล้ว ยังสามารถสร้าง *รายได้สม่ำเสมอ* จากผลตอบแทนของการสเตกกิ้งได้อีกทาง ต่างจากออปชันที่เป็นสิทธิในการซื้อขายตามราคากำหนดในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งมักใช้ในเชิงเก็งกำไรหรือการป้องกันความเสี่ยง
ETF อีเธอเรียมแบบ ‘สินทรัพย์จริง’ เริ่มเปิดตัวไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 แต่ ทว่าความนิยมยังตามอยู่ห่างจาก ETF บิตคอยน์อย่างเห็นได้ชัด ข้อมูลจาก Farside ระบุว่า ณ เดือนเมษายน มีเงินเข้าสู่อีเธรียม ETF ราว 2.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 ล้านล้านวอน) เมื่อเทียบกับบิตคอยน์ ETF ที่มีตัวเลขสูงถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 51 ล้านล้านวอน) ทำให้หลายฝ่ายมองว่าการอนุมัติออปชันและการเพิ่มฟีเจอร์สเตกกิ้ง อาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ในการกระตุ้นความสนใจ
เจฟฟ์ พัค หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของ Bitwise Invest แสดง *ความคิดเห็น* ว่า “การที่ตลาดออปชันเริ่มเข้ามาใน ETF อิงสินทรัพย์จริงนั้น ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในภาคสินทรัพย์ดิจิทัล” พร้อมเสริมว่า ‘ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนสถาบันและกลุ่มนักลงทุนระดับสูง’
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีฟีเจอร์ ‘สเตกกิ้ง’ จะช่วยยกระดับความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ ETF ได้มากขึ้น โดยในเดือนมีนาคม โรบี มิชนิก หัวหน้าฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท BlackRock กล่าวไว้ว่า “ผลตอบแทนจากการสเตกกิ้งถือเป็นแกนหลักของกำไรจากการลงทุนคริปโต” และเสริมว่า “ETF อีเธอเรียมหากไม่มีสเตกกิ้ง ก็ยังถือว่ายังไม่สมบูรณ์” ปัจจุบัน อุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ยังจับตาว่าทั้ง ETF บิตคอยน์และอีเธอเรียม จะได้รับอนุญาตให้ทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนแบบ *สินทรัพย์จริง* แทนการจัดการด้วยเงินสดเท่านั้นหรือไม่
ท่ามกลางการหารืออย่างต่อเนื่องระหว่างผู้ให้บริการ ETF หน่วยงานกำกับดูแล และนักลงทุนทั่วตลาด ความเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของ SEC จึงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดในฐานะ ‘ตัวแปรสำคัญ’ ต่อเส้นทางวิวัฒนาการของ ETF คริปโตในสหรัฐฯ
ความคิดเห็น 0