ราคาอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงต่ำกว่าระดับ ‘แนวรับทางจิตวิทยา’ ที่ 1,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 219,000 บาท) ส่งสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงภาวะตลาดขาลงที่เริ่มชัดเจนขึ้น โดยข้อมูลออนเชนล่าสุดระบุว่า ราคาของอีเธอเรียมในขณะนี้กำลังซื้อขายต่ำกว่าราคาเฉลี่ยเมื่อถือตามราคาซื้อจริง (Realized Price) ซึ่งในอดีตเคยปรากฏเป็น ‘สัญญาณก่อนเกิดการร่วงหนัก’ ของตลาด
นักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) นามว่าเดอะคริปโตลิค(theKriptolik) กล่าวไว้ว่า การที่อีเธอเรียมซื้อขายต่ำกว่าราคาเฉลี่ยจริง หมายความว่าส่วนใหญ่ของนักลงทุนอยู่ในภาวะ ‘ขาดทุน’ และสถานการณ์นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของช่วง “ตื่นตกใจ” ที่กระตุ้นให้เกิดแรงขายรุนแรง โดยในปี 2022 เหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นหลังการล่มสลายของเทอร์รา-ลูน่า และการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ ซึ่งตามมาด้วยราคาที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง 51% และ 35% ตามลำดับ
ปรากฏการณ์นี้ยังสอดคล้องกับกระแสเงินลงทุนในกองทุน ETF ประเภทสปอตของอีเธอเรียมที่แสดงแนวโน้มเชิงลบ โดย ณ วันที่ 8 เมษายน กองทุนดังกล่าวมีเงินไหลออกสุทธิ 3.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 48 ล้านบาท) ขณะที่ยอดเงินไหลออกสะสมในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแตะระดับ 94.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,374 ล้านบาท) บ่งชี้ว่า ‘ดีมานด์จากสถาบันที่เคยคาดหวัง’ หลังสหรัฐฯ เปิดทางให้มีการพิจารณาอนุมัติ ETF ยังไม่เกิดขึ้นจริงในตลาด
ข้อมูลจากบริษัทจัดการสินทรัพย์คริปโตชื่อดังอย่างคอยน์แชร์ส(CoinShares) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุนอีเธอเรียมเผชิญกับการไหลออกของเงินทุนสูงถึง 37.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 546 ล้านบาท) ซึ่งสะท้อนความรู้สึก ‘ไม่มั่นใจ’ ของนักลงทุนต่อแนวโน้มของสินทรัพย์ดังกล่าว
ด้านตลาดอนุพันธ์ สถานะ ‘มองลบ’ ต่ออีเธอเรียมก็ปรากฏชัด โดยข้อมูลจากคอยน์กลาส(CoinGlass) แสดงให้เห็นว่ามูลค่าของสัญญาเปิด (Open Interest) ในตลาดฟิวเจอร์สอีเธอเรียมลดลงถึง 48% จากจุดสูงสุดในเดือนมกราคม เหลือเพียง 16.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.44 แสนล้านบาท) ขณะเดียวกัน ‘Funding Rate’ ของการซื้อขายฟิวเจอร์สแบบไม่หมดอายุได้กลับมาเป็น ‘ค่าลบ’ ซึ่งมักหมายความว่าฝั่งขาย(short) มีความต้องการสูงกว่า
ในส่วนของการใช้งานเครือข่ายอีเธอเรียมเองก็มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามข้อมูลจาก DappRadar เมื่อช่วง 30 วันที่ผ่านมา ‘จำนวนกระเป๋าเงินที่เคลื่อนไหวต่อวัน’ ลดลงกว่า 33% ขณะเดียวกัน ‘จำนวนธุรกรรมทั้งหมด’ หดตัวกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เครือข่ายบล็อกเชนคู่แข่งอย่างโซลานา(SOL) และทรอน(TRX) กลับแสดงให้เห็นถึงการลดลงที่น้อยกว่า หรือในบางกรณีกลับมีการเติบโตเพิ่มขึ้น
ค่าแก๊สสูงและปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในการขยายเครือข่ายของอีเธอเรียม ยังคงส่งผลให้นักพัฒนาและผู้ใช้งานย้ายไปยังทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าอย่างโซลานา, อวาลานเช และทรอน ซึ่งนับเป็น ‘อุปสรรคเชิงโครงสร้าง’ ต่อความสามารถในการแข่งขันของอีเธอเรียมในระยะกลางถึงระยะยาว
ปัจจัยลบที่โถมเข้าใส่อีเธอเรียมในขณะนี้ขาด ‘ปัจจัยบวกชัดเจน’ ที่จะช่วยผลักดันให้ราคาฟื้นตัวในระยะสั้น นักวิเคราะห์จำนวนหนึ่งจึงเริ่มคาดการณ์ว่า อีเธอเรียมอาจมีโอกาสถอยลงไปสู่ระดับ 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 146,000 บาท) และคำถามสำคัญในเวลานี้คือ แนวรับดังกล่าวจะสามารถ ‘สร้างฐานราคา’ ใหม่ให้กับตลาดได้หรือไม่ ทั้งนี้ คำตอบขึ้นอยู่กับ ‘แรงซื้อ – แรงขาย’ และ ‘ความเชื่อมั่นของนักลงทุน’ ในช่วงเวลาต่อจากนี้
ความคิดเห็น 0