กลยุทธ์การขายชอร์ตอีเธอเรียม(ETH)กลายเป็นหนึ่งในแนวทางการลงทุนที่ทำกำไรสูงที่สุดในตลาด ETF ปีนี้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ETF สองรายการที่ใช้กลยุทธ์เร่งสองเท่าต่อการลดลงของราคาอีเธอเรียมทำผลตอบแทนได้สูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกัน
เมื่อวันที่ 11 เอริค บัลชูแนส(Eric Balchunas) นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่า ETF ที่เคลื่อนไหวตรงข้ามกับอีเธอเรียมทำ ‘ผลตอบแทน’ ได้สูงที่สุดในตลาด ETF ทั่วโลก พร้อมแสดงความเห็นว่า ผลลัพธ์นี้ถือเป็นสัญญาณเชิงลบที่ชัดเจนต่ออีเธอเรียม
ข้อมูลจาก Bloomberg ชี้ว่า โปรแชร์ส อัลตร้าชอร์ต อีเธอ ETF (ETHD) มีราคาพุ่งขึ้นกว่า 247% นับตั้งแต่ต้นปี ขณะที่ T-Rex สองเท่า อินเวิร์ส อีเธอ เดลี่ ETF (ETQ) บวกขึ้นประมาณ 219% ทั้งสองกองทุนสร้างผลตอบแทนจากการใช้ตราสารอนุพันธ์ที่เล็งกำไรจากทิศทางราคาที่ลดลง พร้อมด้วยความผันผวนที่สูงกว่าปกติถึงสองเท่า
ในขณะเดียวกัน ราคาของอีเธอเรียมร่วงลงประมาณ 54% ในช่วงเวลาเดียวกันตามข้อมูลจาก CoinTelegraph ณ วันที่ 11 เมษายน ทำให้กลยุทธ์การขายชอร์ตกลายเป็นแนวทางที่ทำกำไรได้ดีมาก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรระวังว่า ETF ประเภทเลเวอเรจอาจไม่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาจริงอย่างแม่นยำเสมอ
แนวโน้มที่อ่อนแอของอีเธอเรียมยังสัมพันธ์กับผลตอบแทนจากเครือข่ายที่ตกต่ำอีกด้วย โดยตามข้อมูลจาก DefiLlama อีเธอเรียมยังคงเป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่มีมูลค่ารวมที่ล็อกไว้(TVL) สูงสุดอยู่ที่ประมาณ 46,000 ล้านดอลลาร์ แต่หลังการอัปเกรด Dencun ในเดือนมีนาคม 2024 ‘รายได้จากค่าธรรมเนียม’ ลดลงถึง 95%
แม้อัปเกรด Dencun มีเป้าหมายลดภาระต้นทุนให้แก่ผู้ใช้งานด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำลง แต่ผลข้างเคียงคือลดความสามารถในการทำกำไรของเครือข่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเลเยอร์ 2 อย่างอาร์บิทรัม(Arbitrum) และเบส(Base) ซึ่งยังไม่มีระบบดึงรายได้เข้าสู่เครือข่ายหลักอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รายได้ไม่สามารถฟื้นตัวได้เร็วตามที่คาด
นักวิเคราะห์ตลาดนามว่า arndxt แสดงความคิดเห็นว่า “อนาคตของอีเธอเรียมขึ้นอยู่กับว่ามันจะกลายเป็นกลไกรองรับข้อมูลในระบบ L2 ได้ดีเพียงใด” โดยข้อมูลจาก Etherscan ชี้ว่า รายได้จากเลเยอร์ 2 ทั้งเครือข่ายในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม มีเพียง 3.18 ETH เท่านั้น
ด้านไมเคิล นาโด(Michael Nadeau) ผู้ก่อตั้ง DeFi Report ระบุว่า หากอีเธอเรียมต้องการฟื้นรายได้จากค่าธรรมเนียมกลับไปยังระดับก่อนอัปเกรด Dencun ปริมาณธุรกรรมบนเครือข่ายเลเยอร์ 2 จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 22,000 เท่า
ขณะเดียวกัน รายงานล่าสุดจากบริษัทฟินเทคชื่อดังอย่างแวนเอ็ค(VanEck) ระบุว่า ในไตรมาสแรกของปี 2025 ปริมาณการใช้งานของแพลตฟอร์มสมาร์ตคอนแทรกต์หลักทั้งอีเธอเรียมและโซลานา(SOL) ต่างลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งส่วนหนึ่งเชื่อว่าเป็นผลมาจากสภาวะตึงเครียดของเศรษฐกิจมหภาค ภายใต้นโยบายกีดกันทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนในวงกว้าง
ความคิดเห็น 0