อีเธอเรียม(ETH) แสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 9 เพียงวันเดียว ราคาพุ่งขึ้นถึง 8.24% และยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 1.5% ในช่วง 24 ชั่วโมงล่าสุด อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามีการเคลื่อนย้ายอีเธอเรียมจำนวนมากเข้าสู่ตลาดอนุพันธ์ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของแรงขายที่กำลังจะตามมา และเพิ่มความกังวลว่าอาจเห็นการปรับฐานราคาครั้งใหม่
ในช่วงต้นเดือนเมษายน ราคาอีเธอเรียมเริ่มต้นที่ 1,821.51 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะ 1,957.94 ดอลลาร์ในวันที่ 2 แต่ปิดราคากลับลงมาที่ 1,794.51 ดอลลาร์ ช่วงวันที่ 5–8 เมษายน ราคาดิ่งลงถึง 18.86% ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้น 7.82% ตั้งแต่วันที่ 9 เป็นต้นมา ในสัปดาห์ที่สองของเดือน ราคายังคงทรงตัวดีขึ้น โดยเพิ่มขึ้นอีก 2.83% ระหว่างวันที่ 7–13 เมษายน แต่ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา การปรับตัวขึ้นเริ่มชะลอลง เหลือเพียง 0.1%
ข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์ชี้ว่า เมื่อวานนี้มีการส่งอีเธอเรียมจำนวน 77,000 เหรียญเข้าสู่ตลาด ซึ่งถือเป็นปริมาณการไหลเข้ารายวันที่สูงที่สุดในเดือนมีนาคมและเมษายน ราคาอีเธอเรียมเมื่อวานลดลงจาก 1,588.44 ดอลลาร์ เหลือ 1,577.07 ดอลลาร์ หรือราว 0.71% พร้อมกับจุดต่ำสุดที่แตะ 1,537.28 ดอลลาร์ ‘การไหลเข้าที่มากผิดปกติแบบนี้’ มักสะท้อนถึงการที่นักลงทุนกำลังเริ่มตั้ง ‘เฮจจิ้ง’ หรือลดความเสี่ยงด้วยการเปิดสถานะขาย(short)
หากย้อนดูแนวโน้มในอดีต วันที่ 26 มีนาคม และ 3 เมษายน ก็มีการไหลเข้าในตลาดอนุพันธ์อย่างมีนัยสำคัญตามมาเช่นกัน หลังจากวันที่ 25–30 มีนาคม ราคาอีเธอเรียมร่วงถึง 13.05% และระหว่างวันที่ 4–8 เมษายน ร่วงต่อไปอีก 18.92%
แหล่งข่าวระบุว่า ความผันผวนล่าสุดนี้ได้รับผลกระทบจากแนวนโยบาย ‘กีดกันทางการค้า’ ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจุดชนวนความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส่งผลต่อตลาดสินทรัพย์ทั่วโลก รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นมา มูลค่ารวมของตลาดคริปโตลดลง 0.38% ขณะที่ตลาดอัลท์คอยน์หดตัวถึง 4.42% ส่วนอีเธอเรียมร่วงลงมากกว่า 12.56%
ในช่วงปี 2024 และ 2023 อีเธอเรียมถือว่าทำผลงานได้ดี โดยเพิ่มขึ้น 46.1% และ 90.8% ตามลำดับ แม้ว่าในไตรมาสแรกของปีนี้จะปรับลดลง 45.3% แต่ก็ยังถือว่าเหนือกว่าในช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2024 และ 2023 ซึ่งเพิ่มขึ้น 59.8% และ 52.4% ตามลำดับ
แม้ว่าอีเธอเรียมจะเริ่มส่งสัญญาณกลับตัวในเดือนเมษายน แต่การประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ รวมถึง ‘ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน’ ที่ยังไม่สิ้นสุด ทำให้ภาพรวมตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ความไม่แน่นอนจากตลาดอนุพันธ์และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์โลกยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา ซึ่ง ‘ความคิดเห็น’ จากนักวิเคราะห์มองว่า ตลาดอาจยังไม่พร้อมสำหรับการฟื้นตัวอย่างมั่นคงในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0