แจ็ก ชาปิโร หัวหน้านโยบายจากสถาบันวิจัยนโยบายบิตคอยน์(BPI) ให้สัมภาษณ์กับสื่อ *Bitcoin Magazine* ในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า หากรัฐบาลสหรัฐประกาศแผนการซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* จำนวน 1 ล้านเหรียญ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดคริปโต และอาจทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับ 1 ล้านดอลลาร์ต่อ 1 BTC ได้อย่างรวดเร็ว
แนวคิดดังกล่าวมีที่มาจากคำสั่งประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งลงนามจัดตั้งนโยบายสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์และคลังสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ ต่อมานางซินเธีย ลูมิส วุฒิสมาชิกผู้สนับสนุนคริปโต เสนอร่างกฎหมาย "BITCOIN" ซึ่งหากผ่านจะบังคับให้รัฐบาลกลางซื้อ *บิตคอยน์* จำนวน 1 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปได้ที่ร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านรัฐสภายังถือว่าต่ำ
แมทธิว ไพน์ส ผู้อำนวยการบริหารของ BPI ให้ความเห็นว่า "หากทรัมป์มุ่งหวังให้สหรัฐกลายเป็นมหาอำนาจด้านบิตคอยน์ สิ่งสำคัญที่สุดคือจำนวนเหรียญที่ถือครอง ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดว่า รัฐบาลเอาจริงกับเป้าหมายนี้มากแค่ไหน"
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้สั่งการให้รัฐมนตรีคลังและรัฐมนตรีพาณิชย์ จัดหาวิธีการซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติมโดยไม่เพิ่มภาระให้ผู้เสียภาษี หรือในรูปแบบที่ ‘งบประมาณเป็นกลาง’ โดยไพน์สกล่าวว่า หนึ่งในเงินทุนที่รัฐบาลสามารถใช้ได้คือ ‘รายได้จากภาษีศุลกากร’
"รายได้จากค่าธรรมเนียมหรือประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษีโดยตรง เช่น ค่าภาคหลวงจากสิทธิสัมปทานน้ำมันและก๊าซ รายได้จากการขายที่ดินของรัฐบาลกลาง ทองคำจริง และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นกัน" ไพน์ส กล่าวเพิ่มเติม
เขายังเตือนว่า หากสหรัฐซื้อ *บิตคอยน์* ครั้งใหญ่อย่างจริงจัง อาจกระตุ้นให้ประเทศอื่น ๆ ดำเนินนโยบายตอบโต้ด้วยกลยุทธ์บิตคอยน์ของตนเอง ขณะที่ โบ ไฮนส์ เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาลทรัมป์ ยืนยันว่า ปัจจุบันกำลังพิจารณาแผนงาน ‘เชิงสร้างสรรค์’ ซึ่งรวมถึงการใช้รายได้จากภาษีศุลกากรเพื่อจัดซื้อบิตคอยน์ในอนาคต
*ความคิดเห็น*: แม้โครงการนี้อาจดูทะเยอทะยานเกินจริงในสายตานักลงทุนบางกลุ่ม แต่การที่รัฐบาลใหญ่พิจารณาการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับนโยบายย่อมสะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอย่างเป็นรูปธรรมต่ออนาคตของคริปโตในเศรษฐกิจโลก
ความคิดเห็น 0