ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อมทางการเงินแบบดิจิทัล ‘สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง’ (CBDC) กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีหลักในการสร้างนวัตกรรมทางการเงินระดับโลก ล่าสุด เอ็กซิลิสต์(Exilist) ได้นำเสนอผลการวิจัยที่วิเคราะห์เจาะลึกว่า CBDC ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี แต่ยังอาจก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อ *ความเป็นส่วนตัว*, *เสรีภาพ* และ *เสถียรภาพของระบบการเงิน* อย่างมีนัยสำคัญ
CBDC เป็นเงินตราที่ออกโดยธนาคารกลางและมีสถานะเป็นเงินที่ถูกกฎหมาย ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการชำระเงินและขยายการเข้าถึงบริการทางการเงิน สำหรับประเทศไทย มีแผนดำเนินโครงการ 'โครงการทดลองระบบ CBDC ภาคประชาชน' (‘โปรเจกต์ฮันกัง’) ภายในปี 2025 โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนประมาณ 100,000 คน เข้าร่วมทดลองใช้จริงในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เอ็กซิลิสต์เน้นย้ำถึงรูปแบบ ‘โครงสร้างสองชั้น’ ของโครงการในไทย ซึ่งรวมเอา CBDC ที่ออกโดยธนาคารกลาง เข้ากับการฝากเงินโทเคนผ่านธนาคารพาณิชย์ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของ CBDC กลับมีโครงสร้างพื้นฐานที่เปิดช่องให้เกิด ‘การควบคุมการเงินในระดับมหภาค’ การที่ข้อมูลทุกธุรกรรมถูกบันทึกอย่างละเอียดหมายความว่ากิจกรรมทางการเงินของผู้ใช้งานสามารถถูกติดตามได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งแตกต่างจากเงินสดที่ให้ความเป็นนิรนาม เอ็กซิลิสต์เตือนว่า ฟังก์ชันที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ของ CBDC อาจถูกนำไปใช้ควบคุมพฤติกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชน หากถูกใช้อย่างไม่เหมาะสม อาจนำไปสู่ผลกระทบทางสังคมที่กว้างขวางเกินกว่าที่คาดคิดได้
แม้ CBDC จะสามารถช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านการเงิน แต่ก็ต้องไม่มองข้ามโอกาสที่จะเกิด *ความล้มเหลวของระบบ* ทั้งจากข้อผิดพลาดทางเทคโนโลยี การโจมตีไซเบอร์ หรือความผิดพลาดทางนโยบาย นอกจากนี้ ความเสี่ยงอย่างการเกิด 'Digital Bank Run' หรือการพึ่งพาจุดศูนย์กลาง (Single Point of Failure) ซึ่งอาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจล่มสลายอย่างรวดเร็ว ก็เป็นประเด็นที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้
เอ็กซิลิสต์ยังได้เปรียบเทียบนโยบายของประเทศต่าง ๆ เพื่อชี้ให้เห็นความเสี่ยงและแนวทางจัดการที่หลากหลาย จีนเร่งผลักดัน *เงินหยวนดิจิทัล(e-CNY)* เพื่อเสริมสร้างการควบคุมเงินในระบบ ขณะที่สหรัฐฯ ได้ระงับการพัฒนา CBDC ชั่วคราว เนื่องจากความกังวลต่อเสรีภาพทางการเงิน ด้านยุโรป ธนาคารกลางยุโรปเน้นพัฒนา *ยูโรดิจิทัล* โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ส่วนญี่ปุ่นเลือกที่จะดำเนินการอย่างรอบคอบโดยเน้นการสร้างการยอมรับจากสังคม
อนาคตของ CBDC ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่การประสบความสำเร็จทางเทคโนโลยี ‘ความสะดวก’ และ ‘นวัตกรรม’ เป็นข้อดีที่เห็นได้ชัด แต่เบื้องหลังนั้น การปกป้อง *ความเป็นส่วนตัว*, *เสรีภาพ* และ *เสถียรภาพของระบบการเงิน* ต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง หากนวัตกรรมทางการเงินดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือบั่นทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และเสรีภาพ ผลกระทบที่ตามมาอาจหนักหนากว่าที่จินตนาการได้ "ความคิดเห็น" จากเอ็กซิลิสต์จึงเน้นว่า การถกเถียงเรื่อง CBDC ควรก้าวพ้นจากการพัฒนาเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว และต้องขับเคลื่อนควบคู่กับ *การสร้างฉันทามติทางสังคม* และ *การจัดตั้งกลไกควบคุมประชาธิปไตย* อย่างเข้มงวด
ความคิดเห็น 0