แบรด การ์ลิงเฮาส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของริปเปิล กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 24 ว่า จุดยืนของบริษัทในเรื่องกลยุทธ์บริการชำระเงินยังคงชัดเจน โดยระบุว่า *ริปเปิลจะใช้ริปเปิล(XRP) อย่างเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์* พร้อมย้ำว่าเป้าหมายหลักของบริษัทคือการแก้ไขปัญหาการโอนเงินข้ามพรมแดน
การ์ลิงเฮาส์อธิบายว่า “เราใช้ทั้งสเตเบิลคอยน์และ XRP โดยเน้นที่ประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการใช้งาน” พร้อมชี้ว่าในการให้บริการโอนเงินระดับองค์กรทั่วโลก บทบาทของสเตเบิลคอยน์และ XRP ถูกแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
หนึ่งในความเคลื่อนไหวสำคัญคือการเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ RLUSD ที่มีหลักประกันเป็นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสามารถทำมูลค่าตลาดทะลุ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,950 ล้านบาท) ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน โดยการ์ลิงเฮาส์กล่าวว่า “เราพึงพอใจกับการเติบโตของ RLUSD อย่างมาก” พร้อมเสริมว่า สาเหตุที่ริปเปิลเข้าสู่ตลาดช้ากว่าบางเจ้า เป็นเพราะบริษัทเริ่มใช้สเตเบิลคอยน์อยู่แล้วในระบบการจ่ายเงินดั้งเดิม
จากข้อมูลของนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 250,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 347.5 ล้านล้านบาท) โดยการ์ลิงเฮาส์คาดการณ์ว่า *ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า มูลค่านี้อาจเติบโตสู่ระดับ 1-2 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,390-2,780 ล้านล้านบาท)* ได้อย่างไม่ยาก
ในด้านความปลอดภัย ริปเปิลได้เลือกธนาคารหลักทรัพย์นิวยอร์กเมลอน(BNY Melon) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นผู้ดูแลเงินสำรองของ RLUSD โดยการ์ลิงเฮาส์ให้ความเห็นว่า “การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีกฎระเบียบรองรับ และมีความมั่นคงทางการเงินอย่างเพียงพอ จะช่วยเสริมสร้าง ‘ความเชื่อมั่น’ ต่อระบบโดยรวมมากยิ่งขึ้น”
ท้ายที่สุด การ์ลิงเฮาส์ทิ้งท้ายว่า บริษัทไม่ได้มองว่าทรัพย์สินดิจิทัลจะมา ‘แทนที่’ ระบบการเงินแบบเดิม แต่ควรเน้นที่ ‘การบูรณาการ’ กันของทั้งสองระบบ เขากล่าวว่า “โลกจะไม่เปลี่ยนไปจนกลายเป็นโลกที่คริปโตเป็นใหญ่ เพียงแต่เราต้องการนำข้อดีของคริปโตมาใช้ให้เกิดประโยชน์ภายในกรอบของการเงินดั้งเดิม” ซึ่งสะท้อนทัศนคติที่เน้นการผสานเทคโนโลยีมากกว่าการแข่งขันหรือแทนที่
ความคิดเห็น 0