บิตคอยน์(BTC) พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 112,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.5 ล้านบาท) ส่งผลให้นักวิเคราะห์คริปโตหลายรายมองเห็นแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่ โดยคาดว่า *ราคาบิตคอยน์อาจไต่ขึ้นแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 20.8 ล้านบาท) ได้ในไม่ช้า
ไคล์ รีดเฮด(Kyle Reidhead) ผู้ร่วมก่อตั้งมิลค์โรด ได้แสดงความเห็นผ่านบัญชี X ของเขาว่า "**เจอกันที่ 150,000 ดอลลาร์**" พร้อมนำเสนอกราฟรูปแบบ *"Cup and Handle"* ที่เขาโพสต์ไว้ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน เขาเชื่อว่ากราฟดังกล่าวแสดงให้เห็นโครงสร้างการฟื้นตัวของบิตคอยน์ในระยะกลางถึงยาว และจะนำไปสู่การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
มุมมองเชิงบวกเหล่านี้เกิดขึ้นภายหลังจากระยะเวลา 2 สัปดาห์ของการแกว่งตัวในกรอบแคบ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายเคยตั้งข้อสังเกตว่า บิตคอยน์ยังขาดแรงส่งที่ชัดเจนเพื่อฝ่าระดับสูงสุดเดิมในเดือนพฤษภาคม *แต่การทำจุดสูงสุดใหม่ครั้งนี้ได้ลบล้างความไม่มั่นใจจำนวนไม่น้อย*
ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการทำสถิติใหม่ ทิโมธี ปีเตอร์สัน(Timothy Peterson) นักเศรษฐศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า *หากบิตคอยน์ไม่สามารถทำจุดสูงสุดภายใน 2 สัปดาห์ น่าจะยากที่จะกลับมาแข็งแกร่งได้อีกก่อนเดือนตุลาคม* ซึ่งการทำจุดสูงสุดในทันทีหลังจากคำเตือนนี้ กลายเป็นสัญญาณในเชิงบวกสำหรับตลาด
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ดัชนีความกลัวและความโลภ(Crypto Fear & Greed Index) เพิ่มขึ้นถึง 5 คะแนน มาอยู่ที่ 71 จาก 100 ซึ่งแสดงถึงการเข้าสู่โซน *ความโลภ(Greed)* ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
แม้จะยังต้องการการปรับขึ้นอีกกว่า 34% เพื่อไปถึงเป้าหมาย 150,000 ดอลลาร์ แต่ทั้งสัญญาณทางเทคนิคและดัชนีความเชื่อมั่นต่างก็ ‘สนับสนุนโอกาสในขาขึ้นระยะกลางถึงยาว’ อย่างชัดเจน นักลงทุนจึงจับตาอย่างใกล้ชิดว่า บิตคอยน์จะสามารถรักษาโมเมนตัมนี้ต่อไปได้หรือไม่ ท่ามกลางปัจจัยภายนอกอย่างประธานาธิบดีทรัมป์ และประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐที่ใกล้เข้ามา
ความคิดเห็น 0