บิตคอยน์(BTC) กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง หลังจากทำ ‘สถิติใหม่ของราคาสูงสุด’ โดยสามารถทะลุแนวต้านที่ 110,000 ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะระดับ 112,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.55 ล้านบาท แม้ก่อนหน้านี้จะเคลื่อนไหวอย่างจำกัดบริเวณเดิมเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ตัวเลขราคานี้ถูกบันทึกแบบเรียลไทม์จากหลายแพลตฟอร์มรวมถึงบิตสแตมป์(Bitstamp)
กระแสการปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับปัจจัยทางการเมืองสหรัฐ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 300 จุดเบส (หรือ 3.0%) กระตุ้นให้ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นทันที หลายฝ่ายมองว่า หาก Fed ปรับลดดอกเบี้ยตามคำเรียกร้อง จะเป็นแรงหนุนเชิงบวกสำหรับตลาดคริปโตในระยะสั้น
ไม่เพียงแค่บิตคอยน์ที่ปรับขึ้น ตลาดโดยรวมก็แสดงสัญญาณ ‘ตลาดกระทิง’ โดยเฉพาะอีเธอเรียม(ETH) ที่ขึ้นถึง 6% ภายในวันเดียว สู่ระดับ 2,800 ดอลลาร์ หรือราว 389,000 บาท ด้านข้อมูลจากตลาดอนุพันธ์แสดงให้เห็นว่าตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการ *ล้างพอร์ต* รวมกันกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6,950 ล้านบาท ครอบคลุมเทรดเดอร์มากถึง 100,000 ราย โดยส่วนใหญ่เปิด *ชอร์ตโพซิชัน* สะท้อนว่าแรงดีดขึ้นของราคาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและเหนือความคาดหมาย
ในบรรดาการล้างพอร์ตที่น่าจับตามอง ได้แก่ รายเดียวในแพลตฟอร์ม HTX ที่มูลค่าถึง 51 ล้านดอลลาร์ หรือราว 709 ล้านบาท ซึ่งเน้นย้ำว่าการเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อเทรดเดอร์ที่ใช้เลเวอเรจสูงอย่างมีนัยสำคัญ
การพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ของบิตคอยน์ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเรื่องของราคา แต่ยังเป็นผลสะท้อนโดยตรงจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกและความคาดหวังต่อนโยบายการเงินของสหรัฐ *คำ* ที่กำลังจับตาคือการตัดสินใจครั้งต่อไปของ Fed รวมถึงแนวทางของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดคริปโตในระยะต่อไป *ความคิดเห็น* จากนักวิเคราะห์หลายรายมองว่าตลาดกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0