กลุ่มเฝ้าระวังด้านการเมือง ‘Public Citizen’ ได้เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ทำการสอบสวนเกี่ยวกับบทบาทของประธานาธิบดีทรัมป์ในการโปรโมท ‘มีมคอยน์’ บางตัว โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการใช้ข้อมูลภายในเพื่อชี้นำตลาด หรืออาจละเมิดกฎหมายด้านการเงิน
โรเบิร์ต ไวส์แมน ประธานของ Public Citizen ระบุว่า “การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อมีอิทธิพลต่อกลไกตลาดเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก” พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบว่า ทรัมป์มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับโทเคนดังกล่าวหรือไม่
ประเด็นนี้กลายเป็นที่จับตามองหลังจากที่ทรัมป์แสดงความคิดเห็นเชิงบวกเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลบางตัวบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลให้ราคาของโทเคนนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์บางรายมองว่าคำพูดของทรัมป์อาจส่งผลโดยตรงต่อตลาด และควรถูกตรวจสอบว่ามีเจตนาชี้นำราคาโดยมิชอบหรือไม่
แม้ Public Citizen จะยอมรับว่ามีโอกาสที่ทรัมป์จะแสดงความคิดเห็นโดยปราศจากการประสานงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงการคริปโต แต่พวกเขาก็เตือนว่า หากพบว่าคำพูดของเขาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยตรง ทรัมป์อาจถูกตั้งข้อหา ‘ปั่นตลาด’ ได้
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) และคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ยังคงให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังตลาดคริปโต ซึ่งอาจทำให้กรณีนี้ได้รับความสนใจจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินเช่นกัน
จนถึงขณะนี้ ฝั่งของทรัมป์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อข้อกล่าวหาของ Public Citizen อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เคยมีกรณีที่นักการเมืองและบุคคลมีชื่อเสียงถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการส่งเสริมคริปโตมาก่อน ทำให้กรณีของทรัมป์ในครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากอุตสาหกรรมคริปโตและนักลงทุน
ความคิดเห็น 0