เอริก ทรัมป์ ลูกชายคนที่สองของประธานาธิบดีทรัมป์ ออกมาเตือนธนาคารทั่วโลกอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการยอมรับคริปโต โดยระบุว่า "ธนาคารใดที่ไม่ยอมเปิดรับคริปโตภายใน 10 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มว่าจะหายไปจากตลาด" เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อวันที่ 30 (เวลาท้องถิ่น) ในฐานะรองประธานบริหารของกลุ่มทรัมป์
เอริก ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบการเงินในปัจจุบันนั้น “ช้า แพงเกินควร และเอื้อประโยชน์เฉพาะคนรวยจำนวนหนึ่ง” ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาหันมาสนใจในระบบนิเวศคริปโต เขาย้ำว่า หากธนาคารยังคงเพิกเฉยต่อความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง ก็อาจต้อง “ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในอีกไม่เกิน 10 ปี”
เขาโจมตีระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ SWIFT อย่างรุนแรง โดยเรียกว่าเป็น “หายนะแบบเด็ดขาด” และเน้นย้ำว่าระบบที่ใช้บล็อกเชนสามารถเข้ามาแทนที่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอริก ทรัมป์ กล่าวว่า “เพียงแค่เปิดแอปกระเป๋าคริปโตหรือดีไฟแอปในตอนนี้ก็สามารถโอนเงินระหว่างกระเป๋าได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมหรือความผันผวน” เขาระบุว่านี่คือข้อได้เปรียบของ ‘ระบบบล็อกเชน’ เหนือกว่า SWIFT ในทุกมิติ
ท่าทีของเอริก ทรัมป์ขัดแย้งกับจุดยืนของสถาบันการเงินโลกหลายแห่งที่ยังแสดงความลังเลต่อคริปโต ล่าสุด ธนาคารกลางอิตาลีได้ออกมาแสดงความกังวลต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของสเตเบิลคอยน์ รวมถึงการลงทุนในบิตคอยน์(BTC) อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสเชิงบวกจากภาครัฐที่กำลังขยายตัว ความคาดหวังว่าธนาคารจะเริ่มรับคริปโตมากขึ้นในปีนี้ก็เริ่มได้รับแรงสนับสนุน
เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เอริก ทรัมป์เคยคาดการณ์ว่าบิตคอยน์อาจแตะระดับ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) แบบระยะยาว และระบุว่าท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลและองค์กรขนาดใหญ่ก็จะต้องหันมายอมรับสกุลเงินดิจิทัลเพื่อไม่ให้ตกขบวน ‘การแข่งขันระดับโลก’
ในช่วงเวลาที่แนวคิดเรื่องการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบการเงินเริ่มได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง การเตือนจากเอริก ทรัมป์ อาจกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ที่มีผลกระทบต่อกลยุทธ์ของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมในไม่ช้า
ความคิดเห็น 0