กระแสความสนใจเกี่ยวกับสถานะผู้ถือครองริปเปิล(XRP) และเงื่อนไขในการเข้าสู่กลุ่มผู้ถือครอง 10% แรกกำลังเพิ่มสูงขึ้น โดยแม้ว่าจะมีการสร้างกระเป๋าเงิน XRP กว่า 6.4 ล้านใบ แต่จำนวนนี้ไม่ได้สะท้อนจำนวนผู้ถือครองจริง เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากมักสร้างกระเป๋าหลายใบสำหรับการซื้อขาย การจัดเก็บ และการรักษาความปลอดภัย
ข้อมูลจากเทคโนโลยีบล็อกเชนและการวิเคราะห์ด้วย AI ชี้ให้เห็นว่า มีเพียงประมาณ ‘30–40%’ ของกระเป๋าทั้งหมดเท่านั้นที่ถูกใช้งานโดย ‘บุคคลทั่วไป’ อย่างแท้จริง ส่วนที่เหลือเป็นกระเป๋าแบบไม่มีเงินหรือไม่เคลื่อนไหว รวมถึงกระเป๋าที่อยู่ในความครอบครองของแพลตฟอร์มอย่างไบแนนซ์และอัพโฮลด์ อีกจำนวนไม่น้อยก็เป็นกระเป๋าที่มีเพียงเศษเหรียญหรือ ‘dust’
อ้างอิงจากการวิเคราะห์ของ เอดูอาร์โด ฟารินา(Edu Farina) คาดว่ามีผู้ถือครอง XRP จริงทั่วโลกอยู่ระหว่าง ‘1.5–2 ล้านราย’ หรือไม่ถึง 0.03% ของประชากรโลก เทียบเท่าประมาณ 1 คนจากทุก 4,000 คน
ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ‘หากถือครองเพียง 2,500 XRP’ หรือราว 5,000 ดอลลาร์ตามราคาในปัจจุบัน ก็สามารถเข้าสู่ ‘กลุ่มผู้ถือครอง 10% แรก’ ได้ แม้ว่าเกณฑ์นี้จะสูงกว่าที่ผ่านมา แต่ก็ยังเป็นระดับที่นักลงทุนทั่วไปเข้าถึงได้ ความคิดเห็นหนึ่งมองว่า สิ่งนี้อาจสร้างแรงจูงใจให้ผู้ลงทุนรายย่อยหันมาสะสม XRP เพื่อโอกาสเติบโต
นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลจากบางส่วนของนักลงทุนว่า หากราคาของ XRP พุ่งขึ้นถึงระดับ ‘1,000 ดอลลาร์’ รัฐบาลหรือกลุ่มผู้มีอำนาจอาจ ‘แทรกแซง’ เพื่อขัดขวางการทำกำไรของประชาชน อย่างไรก็ตาม หากสมมุติว่ากระเป๋าเงินจำนวน 2.5 ล้านใบ แต่ละใบถือ XRP เพียง 250 เหรียญ ก็หมายถึงมูลค่าผลตอบแทนที่ 250,000 ดอลลาร์ต่อราย ซึ่งแม้จะมากพอสมควร แต่ยัง 'ไม่มีศักยภาพในการสั่นคลอนระบบการเงินโลก' อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงว่าผู้ถือครองส่วนมากจะทยอยขายออกในระดับราคาที่ต่ำกว่าเช่น 10, 50 หรือ 100 ดอลลาร์
ความคิดเห็นหนึ่งชี้ว่า ‘การติดตามสถิติกระเป๋าเงินและพฤติกรรมผู้ถือครอง’ จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินทิศทางของ XRP ในอนาคต ทั้งในแง่การลงทุนและแนวโน้มการกระจายความมั่งคั่งในระบบคริปโตเคอร์เรนซี
ความคิดเห็น 0