ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับกรณีรายได้จากมีมคอยน์ ‘ออฟฟิเชียลทรัมป์(TRUMP)’ ที่เปิดตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 4 ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ ‘Meet the Press’ ของ NBC News ทรัมป์ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวจากเหรียญคริปโตดังกล่าว พร้อมตอบโต้นักวิจารณ์ที่กล่าวหาว่าเขาใช้ตำแหน่งประธานาธิบดีเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตน
เมื่อนักข่าว คริสทีน เวลเกอร์ ถามย้ำว่าเขาไม่ได้รับประโยชน์จากการถือครองคริปโตใดๆ แล้วหรือ ทรัมป์ตอบว่า “ผมยังไม่เคยลงลึกไปดูเรื่องนั้นเลย” แต่ก็กล่าวเสริมว่า “ถ้าผมถือหุ้นอยู่ และทำผลงานดีจนราคาหุ้นขึ้น คนอาจมองว่าผมได้กำไรก็เป็นได้” คำตอบนี้แสดงถึงการปฏิเสธโดยตรง แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้เกิดการตีความถึงความเป็นไปได้ของการมีผลประโยชน์ทางอ้อม
‘TRUMP’ โทเคนถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยตามข้อมูลจาก CoinGecko เหรียญได้พุ่งแตะจุดสูงสุดที่ 73.43 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันก่อนพิธีสาบานตนของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ราคาก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 11.35 ดอลลาร์ หรือลดลงเกือบ *85%* จากราคาสูงสุด
ช่วงที่ผ่านมา ราคาของโทเคนดังกล่าวฟื้นตัวชั่วคราว หลังจากมีประกาศบนเว็บไซต์ว่า ผู้ถือครอง TRUMP โทเคนในระดับสูงจะมีสิทธิ์รับเชิญไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับทรัมป์ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าทรัมป์ไม่ได้ตระหนักถึงการปรับขึ้นของราคาในช่วงนี้ และยังสอบถามถึงราคาปัจจุบันของเหรียญซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มีมคอยน์นี้ถูกออกโดยบริษัทในเครือของทรัมป์กรุ๊ป ได้แก่ CIC ดิจิทัล LLC และบริษัทย่อยชื่อ Fight Fight Fight LLC ซึ่งร่วมกันถือครอง *80%* ของจำนวนเหรียญที่มีอยู่ทั้งหมด *1,000 ล้านเหรียญ* โดยเหรียญส่วนใหญ่ยังอยู่ในสถานะ ‘ล็อกอัป’ (ยังไม่สามารถเทรดได้) และจะถูกทยอยปลดล็อกในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า การปลดล็อกครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน ซึ่งในครั้งนั้น CIC ดิจิทัลได้รับเหรียญ *40 ล้านเหรียญ* คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดขณะนั้นราว *454 ล้านดอลลาร์* หรือราว *6,600 ล้านบาท*
นักวิเคราะห์ในวงการคริปโตหลายรายยังคงจับตามองต่อไป โดยเห็นว่าเหรียญ TRUMP มีทั้ง ‘สัญลักษณ์ทางการเมือง’ และ ‘ความเสี่ยงในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจ’ แม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าทรัมป์มีรายได้จริงจากโครงการนี้ แต่การที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ส่งผลให้เหรียญมีมูลค่าเชิงสัญลักษณ์และสร้างแรงจูงใจให้แก่นักลงทุน ซึ่งอาจจุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียงต่อเนื่องในอนาคต
ความคิดเห็น 0