อเล็กซ์ มาชินสกี อดีตผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของเซลเซียส(Celsius) ถูกศาลแขวงแมนฮัตตันตอนใต้ของสหรัฐตัดสินจำคุก 12 ปีในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุน ก่อนหน้านี้เขาได้ยอมรับผิดในข้อหาฉ้อโกงทั้งในด้านสินค้าและหลักทรัพย์ โดยคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ผู้พิพากษาจอห์น จี. โคเอลต์ล ระบุว่า มาชินสกีมีบทบาทสำคัญในการดำเนิน ‘แผนฉ้อโกงนักลงทุนในวงกว้าง’ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมากทั่วโลก แม้ว่าอัยการจะเสนอให้ลงโทษจำคุก 20 ปี แต่ศาลมีคำตัดสินให้จำคุก 12 ปี พร้อมเงื่อนไขการยึดทรัพย์จำนวน 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 681 ล้านบาท จากข้อตกลงยอมจำนนในคดี
‘ความคิดเห็น’: การปรับลดโทษของมาชินสกีอาจสะท้อนถึงความร่วมมือของเขากับกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม วงเงินที่ถูกยึดยังคงต่ำกว่าความเสียหายรวมของเซลเซียสที่มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่มาก
ศาลยังได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการเซลเซียสโดยให้กลายเป็นบริษัทขุดบิตคอยน์(BTC)ภายใต้ชื่อใหม่ว่า ‘ไอโอนิก ดิจิทัล’ ซึ่งจะบริหารโดยเจ้าหนี้เป็นหลัก แนวทางนี้ถือเป็นทางออกในการจัดการทรัพย์สินที่เหลืออยู่ของบริษัท และคืนเงินให้เจ้าหนี้บางส่วน
หลังจากการล่มสลายอย่างฉับพลันของเทอร์ร่า ลูน่า และ FTX ในปี 2022 ตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐที่คดีของแซม แบงก์แมน-ฟรีด(Sam Bankman-Fried) กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กระตุ้นให้ภาครัฐเร่งออกกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแข็งขัน
ภายใต้สถานการณ์ใหม่นี้ อุตสาหกรรมคริปโตมีทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น ด้วยการพัฒนา ‘โครงสร้างกำกับดูแล’ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว นอกจากนั้น นักลงทุนสถาบันกำลังให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลในฐานะ ‘การลงทุนทางเลือก’ ที่ได้รับความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดได้รับความสนใจจากหน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศทั่วโลก
ความคิดเห็น 0