ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
เทเธอร์(Tether)ทุ่มซื้อบิตคอยน์(BTC)กว่า 4,800 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 458.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนกองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ในชื่อว่า '21 แคปิตอล' (21 Capital) ซึ่งก่อตั้งโดยแจ็ค มัลเลอร์ส(Jack Mallers) ซีอีโอของ Strke บริษัทด้านการชำระเงินด้วยบิตคอยน์
เมื่อวันที่ 13 (เวลาท้องถิ่น) ยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ระบุว่า เทเธอร์ซื้อบิตคอยน์รวม 4,812 เหรียญ ที่ราคาเฉลี่ยเหรียญละ 95,320 ดอลลาร์ฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนเริ่มต้นของ 21 แคปิตอล ซึ่งเป็นบริษัทจัดการลงทุนในบิตคอยน์แห่งใหม่ที่ตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายน โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่าง เทเธอร์, บิทฟิเนกซ์, แคนเตอร์ ฟิตซ์เจอรัลด์ และซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป
21 แคปิตอลมีแผนควบรวมกิจการผ่านบริษัทจัดหากิจการพิเศษหรือ SPAC โดยจับมือกับแคนเตอร์ อิควิตี้ พาร์ทเนอร์ส และมีเป้าหมายจะจดทะเบียนในตลาดแนสแดกภายใต้ชื่อย่อว่า ‘XXI’
บริษัทใหม่นี้จะเริ่มดำเนินงานด้วยบิตคอยน์ประมาณ 42,000 เหรียญ คิดเป็นมูลค่าราว 4.4 พันล้านดอลลาร์ฯ ตามมูลค่าตลาดปัจจุบัน โดยเทเธอร์และบิทฟิเนกซ์จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ขณะที่ซอฟต์แบงก์จะถือหุ้นส่วนน้อย มัลเลอร์สจะรับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทและเน้นให้บริการด้านสินเชื่อบิตคอยน์ รวมถึงผลิตภัณฑ์การเงินที่เกี่ยวข้อง
การซื้อบิตคอยน์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเทเธอร์ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ เผยรายได้ทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ฯ ถือเป็นการตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดคริปโต โดยในเดือนพฤษภาคมบริษัทขนาดใหญ่จำนวนมากต่างเร่งเติมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าพอร์ต เช่น มิกาเอล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานบริษัทไมโครสเตรติจี ได้เพิ่มบิตคอยน์อีก 13,390 เหรียญ คิดเป็นมูลค่า 1.34 พันล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่เมตาแพลนเน็ต บริษัทญี่ปุ่นก็เข้าซื้อเพิ่มอีก 1,241 เหรียญ จนมีจำนวนถือครองแซงหน้ารัฐเอลซัลวาดอร์แล้ว
จากรายงานบริษัทลงทุนในบิตคอยน์อย่าง "รีเวอร์"(River) พบว่า จำนวนบิตคอยน์ที่องค์กรถือครองในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 157,000 เหรียญ หรือมากกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของภาค ETF, ภาครัฐบาล และนักลงทุนบุคคล
ขณะเดียวกัน บิทไวซ์(Bitwise) รายงานว่าในไตรมาสแรกของปี 2025 ที่จะถึงนี้ จะมีบริษัทจดทะเบียนอย่างน้อย 12 แห่งเข้าซื้อบิตคอยน์เป็นครั้งแรก และทรัพย์สินบิตคอยน์ในมือของบริษัทจดทะเบียนน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 16%
ด้านกี ยองจู(Ki Young Ju) ซีอีโอของคริปโตเควนต์(CryptoQuant) วิเคราะห์ว่า กลยุทธ์ของไมโครสเตรติจีในการซื้อตุนบิตคอยน์ในอัตราที่สูงกว่าผลิตจากเหมือง อาจทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินฝืด(Debt deflation) แค่เฉพาะบริษัทเดียวก็สามารถทำให้บิตคอยน์ลดลงแบบ ‘-2.3% ต่อปี’ ได้แล้วตามรูปแบบอุปสงค์และอุปทาน
*คำสำคัญ: เทเธอร์, บิตคอยน์, 21 แคปิตอล, แจ็ค มัลเลอร์ส, การถือครองของบริษัท*
ความคิดเห็น 0