เจสซี ไมเยอร์ส(Jesse Myers) หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ของบิตคอยน์(BTC) ออกโรงเตือนว่า นักลงทุนไม่ควรมองข้าม *ผลกระทบจากการถือครองบิตคอยน์ของกลุ่มบริษัท* ที่มีต่อทิศทางของตลาดในอนาคต โดยเขาคาดการณ์ว่าภายในปี 2045 *บริษัทต่างๆ จะถือครองบิตคอยน์ครึ่งหนึ่งของอุปทานทั้งหมด* และมองว่าในปัจจุบัน ผู้ถือครองสินทรัพย์ยังไม่ตระหนักถึงความต้องการจากฝั่งองค์กรที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 23 ไมเยอร์สกล่าวผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X หรือเดิมชื่อทวิตเตอร์) ว่า “*บริษัทที่ถือบิตคอยน์ในลักษณะ 'ทรัพย์สินในคลัง'* กำลังเข้าใกล้การครอบครองอุปทานรวมถึง 50% ซึ่งมากกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้” และชี้ว่าหากแนวโน้มการซื้อบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ระยะยาวยังดำเนินต่อไป โครงสร้างตลาดที่มี *บริษัทเป็นศูนย์กลาง* อาจกลายเป็นภาพที่ยั่งยืนในอนาคต
ไมเยอร์สได้ยกกรณีของบริษัทไมโครสแตรทีจี(MSTR) เป็นตัวอย่างสำคัญ โดยให้ความเห็นว่า “*ภายในปี 2045 มูลค่าบิตคอยน์ที่ไมโครสแตรทีจีถืออยู่จะพุ่งแตะ 70 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว 10 ตำลึง 2,200 ล้านล้านวอน (ประมาณ 10.2 ล้านล้านล้านบาท)” ซึ่งจะทำให้บริษัทนี้กลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ สำหรับปัจจุบัน ไมโครสแตรทีจีถือครองบิตคอยน์อยู่ที่ *576,320 BTC* คิดเป็นมูลค่า *ราว 62,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *909,000 ล้านบาท*
การประเมินของไมเยอร์สไม่ใช่เพียงการมองโลกในแง่ดี แต่สะท้อนถึง *ความหายากอย่างต่อเนื่องของบิตคอยน์* และแรงซื้อจากฝั่งสถาบันที่ยังคงมีพลัง เขาเน้นว่า บิตคอยน์ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไร้พรมแดน และในระยะยาว สถาบันจะมีบทบาทนำ *แซงหน้าทั้งภาครัฐและนักลงทุนรายบุคคล* ในการถือครองเงินดิจิทัล
*ความคิดเห็น*: พฤติกรรมการลงทุนของสถาบันในสินทรัพย์คริปโตที่เพิ่มขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดกระแสความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญมองว่า ในอนาคต *น้ำหนักของนักลงทุนรายย่อยในโครงสร้างตลาดอาจลดลง* ไม่ใช่แค่เพราะราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของอุปสงค์-อุปทานในตลาดบิตคอยน์โดยเฉพาะ
ความคิดเห็น 0