กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ตั้งข้อหาชาวรัสเซีย ‘รุสตัม กัลยามอฟ’ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหัวหน้าผู้อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ชื่อฉาว ‘คิวบอท’ (Qakbot) โดยพร้อมกันนี้ยังได้ยึดคริปโตเคอร์เรนซีรวมมูลค่า *24 ล้านดอลลาร์* หรือราว *341 พันล้านวอน* เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการตอบโต้การโจมตีแบบแรนซัมแวร์ของทางการสหรัฐ
ภายใต้ปฏิบัติการที่มีชื่อว่า ‘Operation Endgame’ หน่วยงานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของสหรัฐได้ร่วมมือกับนานาประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และแคนาดา เพื่อกำจัดเครือข่ายมัลแวร์ที่ใช้คิวบอทเป็นเครื่องมือโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลก และเรียกค่าไถ่ผ่านแรนซัมแวร์ชื่อดังอย่าง *คอนติ, แบล็กบาสตา* และ *รีวิล*
ผู้เสียหายของเครือข่ายคิวบอทมีทั้งคลินิกทันตกรรมรายย่อยในลอสแอนเจลิส ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในเนแบรสกา โรงงานในวิสคอนซิน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในแคนาดา แหล่งข่าวระบุว่า กัลยามอฟได้ชักชวนกลุ่มแฮกเกอร์โจมตีเป้าหมาย แล้วรับส่วนแบ่งจากเงินค่าไถ่ โดยตลอดระยะเวลากว่า 15 ปี เขาได้แพร่กระจายมัลแวร์คิวบอทไปยังคอมพิวเตอร์กว่า *700,000 เครื่อง*
ในเดือนสิงหาคม 2023 เจ้าหน้าที่ได้นำโดยสหรัฐสามารถรื้อถอนเครือข่ายบ็อตเน็ตของคิวบอทได้สำเร็จ พร้อมยึดคริปโตเคอร์เรนซีจากกัลยามอฟ รวมกว่า *170 บิตคอยน์(BTC)* และ *USDT กับ USDC* อีก *4 ล้านดอลลาร์*
แม้เครือข่ายหลักของเขาจะถูกทำลาย แต่กัลยามอฟยังคงเดินหน้าก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ ด้วยการใช้วิธีใหม่ เช่น การส่ง ‘อีเมลสแปมระเบิด’ ทำให้เหยื่อตกหลุมพรางและมอบสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กลุ่มแฮกเกอร์ โดยยังดำเนินการจนถึงเดือนมกราคม 2025
จากปฏิบัติการล่าสุดนี้ FBI สามารถยึดทรัพย์จากเขาเพิ่มเติมได้อีก *30 BTC* และ *700,000 USDT* โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า คริปโตเคอร์เรนซีรวมมูลค่ากว่า *24 ล้านดอลลาร์* จะถูกยึดเป็นทรัพย์สินของรัฐ และนำไปชดเชยให้กับผู้เสียหายในอนาคต หากถูกตัดสินว่ามีความผิด กัลยามอฟอาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง *25 ปี*
"การตั้งข้อหาครั้งนี้เป็นสัญญาณถึงอาชญากรไซเบอร์ว่า FBI จะไม่หยุดตามล่า ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดบนโลก" อคิล เดวิส รองหัวหน้า FBI สาขาลอสแอนเจลิส กล่าว
ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของปฏิบัติการปราบปรามระดับใหญ่ในวงการคริปโต ในเดือนธันวาคม 2024 ทางการสหรัฐได้ตั้งข้อหา ‘รอสติสลาฟ พาเนฟ’ แฮกเกอร์สายแรนซัมแวร์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่ม *ล็อกบิท* จากรัสเซีย-อิสราเอล ว่าเกี่ยวข้องกับการพัฒนาโค้ดมัลแวร์ที่ใช้ขโมยคริปโตเกิน *230,000 ดอลลาร์*
ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 มีผู้ต้องหาอีกกลุ่มหนึ่งรวม *12 คน* ซึ่งเป็นเยาวชน ถูกตั้งข้อหาว่าสมรู้ร่วมคิดกระทำอาชญากรรม ด้วยการฟอกเงินผ่านคริปโตมากกว่า *263 ล้านดอลลาร์* ใช้ซื้อเจ็ตส่วนตัวและรถยนต์หรู
เจ้าหน้าที่สหรัฐยังคงติดตาม ‘โรมัน สตอร์ม’ ผู้สร้าง *ทอร์นาโดแคช* ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีบทบาทในการฟอกเงินคริปโตผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์อีกด้วย
*ความคิดเห็น*: สหรัฐฯ กำลังเดินหน้าอย่างจริงจังในการจัดการกับภัยไซเบอร์ที่ใช้คริปโตเป็นเครื่องมือ โดยยึดมั่นหลักความร่วมมือระหว่างประเทศ การดำเนินคดีต่อกัลยามอฟและกลุ่มที่เกี่ยวข้องยังแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของอาชญากรรมเหล่านี้ และความจำเป็นที่ภาครัฐต้องมีความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างลึกซึ้งและทันต่อสถานการณ์
ความคิดเห็น 0