โปรโตคอลให้กู้ยืมแบบกระจายศูนย์บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) อย่าง ‘ลิควิดิตี้(Liquity)’ ประสบกับการไหลออกของสินทรัพย์มูลค่า 17 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 617 ล้านบาท) เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ลิควิดิตี้แนะนำให้ผู้ใช้งานถอนสินทรัพย์ออกจาก ‘สเตบิลิตี้พูล(Stability Pool)’ เนื่องจากมีการสอบสวนปัญหาภายในที่อาจส่งผลกระทบต่อแพลตฟอร์ม
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ลิควิดิตี้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่ากำลังตรวจสอบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ‘อีโอนพูล(Earn Pool)’ บนแพลตฟอร์ม v2 อย่างไรก็ตาม ทีมงานยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของปัญหา ก่อนหน้านี้ ลิควิดิตี้ v2 ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 มกราคม ได้รับการออกแบบให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ได้เอง
แม้ว่าลิควิดิตี้จะยืนยันว่าโปรโตคอลของตนยังคงทำงานปกติ แต่ก็ขอให้ผู้ใช้ปิดสถานะในแพลตฟอร์ม v2 เป็นการป้องกันล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำให้ใช้เฉพาะอินเทอร์เฟซหลัก และระมัดระวังการฉ้อโกง ลิควิดิตี้เน้นย้ำว่า “v2 เป็นโปรโตคอลแบบไร้ศูนย์กลางอย่างแท้จริงและไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของทีม ลิควิดิตี้” ส่งผลให้ผู้ใช้งานต้องระมัดระวังในการใช้งานโปรโตคอลนี้ด้วยตนเอง
จากข้อมูลของ DefiLlama มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกล็อก (TVL) บนลิควิดิตี้ v2 ลดลง 18% จาก 84.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,081 ล้านบาท) มาอยู่ที่ 69.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,524 ล้านบาท) ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ในจำนวนสินทรัพย์ที่ถูกถอนออกไป 11.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 410 ล้านบาท) เป็น ‘WSTETH (Wrapped Lido Staked Ether)’, 1.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 43 ล้านบาท) เป็น ‘RETH (Rocket Pool ETH)’ และ 4.5 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 163 ล้านบาท) เป็น ‘WETH (Wrapped Ether)’
ในขณะที่ลิควิดิตี้ v2 กำลังเผชิญกับการไหลออกของสินทรัพย์ ลิควิดิตี้ v1 ยังคงรักษาเสถียรภาพไว้ได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ นอกจากนี้ เมื่อวันเดียวกัน แพลตฟอร์มสเตคกิ้งบนอีเธอเรียม ‘ลิโด(Lido)’ ก็ได้แนะนำให้ผู้ถือ WSTETH ถอนสินทรัพย์ออกจาก ‘สเตบิลิตี้พูล’ ของลิควิดิตี้ v2 เช่นกัน
ความคิดเห็น 0