กรอบแนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลในยุค Web3 ถูกนำเสนอขึ้นใหม่ โดยเน้นไปที่สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC), สเตเบิลคอยน์ และสกุลเงินดิจิทัลที่อิงจากเงินฝากธนาคาร(BDIN) เป็นแกนหลัก ตามรายงานล่าสุดของบริษัทวิจัยด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ดิสเพรด(DeSpread) เมื่อไม่นานนี้ ดิสเพรดเสนอว่าสกุลเงินทั้งสามประเภทสามารถอยู่ร่วมกันในแบบเสริมสร้างซึ่งกันและกัน เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบการเงิน
รายงานดังกล่าวได้วิเคราะห์ถึงลักษณะเฉพาะและข้อจำกัดของสกุลเงินแต่ละรูปแบบ พร้อมอธิบายว่าในอนาคตของระบบเศรษฐกิจแบบ Web3 สกุลเงินเหล่านี้จะมีบทบาทอย่างไร โดย ‘CBDC’ ซึ่งออกโดยภาครัฐ มีจุดแข็งในเรื่อง ‘ความน่าเชื่อถือ’ และ ‘เสถียรภาพด้านมูลค่า’ ทำให้มีบทบาทสำคัญในการรักษาอำนาจควบคุมเศรษฐกิจของรัฐ ในทางกลับกัน ‘สเตเบิลคอยน์’ ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งานในบริการแบบกระจายศูนย์ และเข้าถึงตลาดโลกได้ดี แต่ก็ยังมีข้อกังวลด้านโครงสร้างเงินสำรอง
สำหรับ ‘BDIN’ หรือสกุลเงินดิจิทัลที่อิงกับเงินฝากของธนาคาร ได้รับความสนใจจากความสามารถในการเชื่อมโยงระบบธนาคารแบบเดิมเข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัล เข้าถึงได้ง่าย และปรับให้สอดคล้องกับข้อกำกับดูแลของภาครัฐ ทั้งยังสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเศรษฐกิจจริงกับเศรษฐกิจ Web3 ส่งเสริมการหลอมรวมระหว่างการเงินบนเชน(On-chain) กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม
รายงานยังอธิบายถึงกลไกความร่วมมือระหว่างทั้งสามแนวทาง โดย ‘CBDC’ จะเน้นที่สถาบันและโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ‘สเตเบิลคอยน์’ ถูกใช้งานในแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์อย่างเช่น ตลาดซื้อขายคริปโตฯ, ดีไฟ(DeFi), NFT และเกมต่าง ๆ ขณะที่ ‘BDIN’ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางการแปลงและเชื่อมต่อ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งานและสอดรับกับข้อกำกับดูแลที่หลากหลาย
ดิสเพรดยังเน้นย้ำว่า การอยู่ร่วมกันโดยไม่ขัดแย้งของสกุลเงินทั้งสามรูปแบบจะช่วยสร้างระบบการเงินแบบหลายมิติ ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับความซับซ้อนของเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมระบุว่าแนวทางเชิงกลยุทธ์นี้จะส่งผลต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมและให้กรอบทางนโยบายสำหรับภาครัฐในการบริหารจัดการระบบการเงินใหม่ในยุค Web3
รายงานยังเตือนว่าการออกแบบสกุลเงินดิจิทัลในอนาคตต้องหาจุดสมดุลระหว่าง ‘การกระจายศูนย์’ กับ ‘ข้อกำกับดูแล’ เนื่องจากรูปแบบที่พึ่งพาแต่โครงสร้างรวมศูนย์หรือกระจายศูนย์เพียงอย่างใดอย่างหนึ่งอาจไม่สามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางการเงินทั้งในและต่างประเทศได้
การรวมเทคโนโลยีใหม่ เช่น การโทเคนไรซ์(tokenization), สมาร์ตคอนแทรกต์(smart contract), และการปกป้องความเป็นส่วนตัว จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบสกุลเงินดิจิทัลแห่งอนาคต ดิสเพรดให้ความเห็นว่า การผสมผสานอย่างมีประสิทธิภาพระหว่างจุดแข็งทางเทคโนโลยีและแนวทางจากทั้งสามรูปแบบดังกล่าว จะเป็นกุญแจในการพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลกในยุคเศรษฐกิจไร้เงินสดที่กำลังจะมาถึง
ความคิดเห็น 0