ราคาบิตคอยน์(BTC) กำลังเข้าใกล้ระดับแนวต้านสำคัญอีกครั้ง ท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในกรอบการซื้อขายเชิงเทคนิค หลังจากที่ราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ได้ ส่งผลให้เกิดภาวะทรงตัวอยู่ภายในช่วงราคาแคบ ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึง ‘จิตวิทยาการลงทุน’ ที่ยังคงตึงเครียด ระหว่างความไม่แน่นอนของปัจจัยมหภาค การไหลเวียนของเงินทุนใน ETF และภาวะสภาพคล่องในตลาด
จากมุมมองทางเทคนิคในกราฟรายวัน บิตคอยน์ขยับขึ้นลงอยู่ภายในช่วงจำกัดระหว่างระดับ 100,000 ถึง 110,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.39–1.53 ล้านบาท) โดยมีแนวรับสำคัญที่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันและ 200 วันแถวๆ 95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.32 ล้านบาท) ซึ่งยังคงรักษาแนวโน้มขาขึ้นไว้ได้ หากเกิดภาวะ ‘โกลเด้นครอส’ ในช่วงนี้ ก็อาจเป็นสัญญาณหนุนราคาด้านเทคนิคอีกรอบหนึ่ง
‘คำ’ แนวต้านที่ชัดเจนคือระดับ 110,000 ดอลลาร์ ซึ่งราคาเคยพยายามทะลุมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่ประสบความสำเร็จ หากสามารถปิดตลาดเหนือระดับดังกล่าวได้สำเร็จ นั่นอาจเป็นจุดเปลี่ยนกลับเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้นของบิตคอยน์ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้น ตลาดอาจเผชิญกับแรงขายระยะสั้นหรือภาวะไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อต่อไป
ในกราฟ 4 ชั่วโมง ราคาเคยดีดกลับจากระดับ 103,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.43 ล้านบาท) และกลับมาแตะระดับแนวต้านที่ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.47 ล้านบาท) อีกครั้ง ขณะนี้ราคากำลังพยายามทะลุกรอบด้านบนของระดับดังกล่าว ซึ่งหากสำเร็จ อาจมีโอกาสเห็นราคาพุ่งต่อไปถึงขอบบนของรูปแบบ ‘เวจ’ ที่เป็นแนวต้านถัดไป ดัชนี RSI ก็ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56 บ่งชี้ถึงแรงซื้อที่ฟื้นตัวเล็กน้อย แต่ยังไม่ใช่สัญญาณที่ชัดเจนของการเปลี่ยนแนวโน้ม
เมื่อพิจารณาระดับราคาในช่วง 106,000–107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.47–1.48 ล้านบาท) นับว่าเป็นด่านสำคัญ ถ้าทะลุไม่ผ่าน ราคาบิตคอยน์อาจถอยกลับไปยังแนวรับที่ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง วัฏจักรราคาที่วนเวียนรอบ ‘ซื้อ-ขายทำกำไร-ซื้อใหม่’ นี้ ทำให้ต้องจับตามองกลยุทธ์ ‘ล่าความผันผวน’ ที่อาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงในระยะสั้น
นอกจากนี้ สัญญาณจากข้อมูล ‘ออนเชน’ ยังสนับสนุนความผันผวนระยะสั้น โดยปริมาณบิตคอยน์ที่อยู่ในกระดานเทรดลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2025 จนขณะนี้อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งมักสะท้อนถึงพฤติกรรมการนำสินทรัพย์ออกมาเก็บรักษาเองของนักลงทุน พร้อมทั้งความต้องการถือครองระยะยาว ‘ความคิดเห็น’ ปัจจัยนี้ส่งผลให้แรงขายในตลาดลดน้อยลงอย่างมีนัย
อย่างไรก็ดี การที่สกุลเงินดิจิทัลลดลงในกระดานเทรดจำนวนมาก อาจเป็นดาบสองคม เนื่องจากสร้างภาวะสภาพคล่องต่ำ หากมีแรงซื้อหรือขายเพียงเล็กน้อย ก็อาจกระตุ้นให้ราคาผันผวนได้มากเกินปกติ และนี่คือเหตุผลหนึ่งที่อธิบายการขึ้นลงอย่างรุนแรงในช่วงหลัง ขึ้นอยู่กับว่า ‘เงินใหม่’ จากสถาบันและนักลงทุนรายย่อยจะไหลเข้ามาเมื่อใดและในระดับใด
สรุปแล้ว บิตคอยน์อยู่ในช่วง ‘ทดสอบแนวต้านสูงสุด’ ซึ่งอาจเป็นตัวแปรกำหนดทิศทางระยะสั้น สัญญาณจากออนเชนอย่างปริมาณสินทรัพย์ในกระดานที่ลดลงถือเป็นตัวแปรบวก แต่ในเชิงเทคนิคตลาดยังรอคอย ‘สัญญาณชัดเจน’ เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแนวโน้มเชิงโครงสร้างในรอบนี้
ความคิดเห็น 0