ชางเผิง จ้าว(CZ) ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ เสนอให้ตลาดซื้อขายคริปโตเพิ่ม *ฟังก์ชันพินัยกรรม(will function)* สำหรับการจัดการ *มรดกสินทรัพย์ดิจิทัล* หลังเจ้าของเสียชีวิตหรือไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้ โดยระบุผ่านโพสต์ในแพลตฟอร์ม X ว่า ทุกแพลตฟอร์มควรมีระบบกระจายสินทรัพย์ไปยังบัญชีที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด ด้านชุมชนคริปโตเริ่มตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้นในช่วงหลัง
CZ ชี้ว่า การที่คริปโตถูกทิ้งไว้ในแพลตฟอร์มโดยไม่ได้ส่งต่อให้ครอบครัว มักมาจากอุบัติเหตุหรือการที่เจ้าของบัญชีไม่เปิดเผยข้อมูลกับคนใกล้ตัว เขายังเสนอให้ *ผู้เยาว์สามารถเปิดบัญชีสำหรับรับมรดกโดยเฉพาะ* แม้จะยังไม่สามารถซื้อขายได้ เพื่อให้สามารถสืบทอดเหรียญที่ครอบครัวทิ้งไว้ได้
กระแสพูดคุยเรื่องนี้เริ่มต้นจากโพสต์ของ *CryptoBraveHQ* ผู้พัฒนาชุมชน Web3 ที่กล่าวว่า แต่ละปีมีคริปโตมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 39,000 ล้านบาท) ที่ถูกล็อกถาวรในแพลตฟอร์มหลังผู้ใช้งานเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่มาจากการที่เจ้าของไม่ได้บอกข้อมูลกับครอบครัวมาก่อน
เพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ไบแนนซ์ได้เปิดตัว *ฟังก์ชันผู้ติดต่อฉุกเฉินและมรดก* เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่ารายชื่อผู้รับมรดกล่วงหน้า หากบัญชีไม่มีความเคลื่อนไหวภายในระยะเวลาหนึ่ง ระบบจะส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ติดต่อ และดำเนินการตรวจสอบก่อนเข้าสู่กระบวนการการส่งต่อทรัพย์สิน
แพลตฟอร์มอื่นยังคงใช้แนวทางแบบดั้งเดิม เช่น Coinbase ที่ขอเอกสารทางกฎหมายอย่างมรณบัตรและพินัยกรรมก่อนดำเนินการถ่ายโอนสินทรัพย์ และไม่มีฟีเจอร์เฉพาะในระบบ ขณะที่ BitGo ใช้กระเป๋าแบบมัลติซิกและโครงสร้างการจัดเก็บแบบ cold storage ควบคู่กับความร่วมมือกับบริษัทภายนอกเพื่อให้บริการด้านการสืบทอดคริปโต
นอกจากการพัฒนาด้านการส่งต่อสินทรัพย์แล้ว ไบแนนซ์ยังเป็นผู้นำด้าน ‘ความโปร่งใสของสินทรัพย์ (Proof of Reserve)’ โดยข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่า ไบแนนซ์เผยแพร่รายงานการถือครองสินทรัพย์แบบรายเดือนอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสัดส่วนเงินสำรองเกิน 100% มาโดยตลอด
เมื่อคริปโตกลายเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าและสามารถถ่ายทอดข้ามรุ่นได้ ความจำเป็นในการกำหนดระเบียบภายในแพลตฟอร์มหรือจากหน่วยงานกำกับดูแลจึงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อเสนอของ CZ ได้จุดประเด็นใหม่ให้ทั้งภาครัฐและอุตสาหกรรมหันมารับมือกับความเสี่ยงนี้อย่างจริงจัง
ความคิดเห็น 0