Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

สหรัฐฯ เสนอ ‘COIN Act’ ห้ามผู้นำประเทศมีเอี่ยวคริปโต เล็งสกัดผลประโยชน์ทรัมป์จาก USD1

อดัม ชิฟฟ์(Adam Schiff) สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อว่า ‘COIN Act’ เพื่อควบคุมความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลในกลุ่มประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ โดยเน้นไปที่การจำกัดไม่ให้มีการออกเหรียญหรือส่งเสริมสกุลเงินดิจิทัลในระหว่างดำรงตำแหน่ง ซึ่งร่างกฎหมายนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในแวดวงการเมือง เนื่องจากมีการชี้เป้าชัดไปที่ทรัมป์และรายได้จากคริปโตของเขา

ตามคำแถลงของชิฟฟ์ กฎหมายฉบับนี้สะท้อนถึงปัญหาทางจริยธรรม รัฐธรรมนูญ และหลักนิติธรรม โดยเฉพาะกรณีของบริษัทคริปโตชื่อ เวิลด์ลิเบอร์ตีไฟแนนเชียล(WLF) ซึ่งมีการเปิดตัวเหรียญสเตเบิลคอยน์ชื่อ ‘USD1’ ในปี 2024 และมีรายงานว่าทรัมป์สามารถสร้างรายได้สูงถึง 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 598.7 พันล้านวอน) จากโครงการนี้ ‘ความคิดเห็น’: นี่เป็นตัวเลขที่อาจสะท้อนอิทธิพลของประธานาธิบดีต่อการเคลื่อนไหวในตลาดคริปโต

สาระสำคัญของ COIN Act คือการกำหนดให้ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี รัฐมนตรี ตลอดจนสมาชิกครอบครัวใกล้ชิด ไม่สามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการออกเหรียญ การโปรโมต หรือการให้การสนับสนุนคริปโต สเตเบิลคอยน์ โทเคน NFT และมีมคอยน์(Meme Coin) ทั้งในช่วงดำรงตำแหน่งและช่วงเวลาก่อนหรือหลังเกษียณ นอกจากนี้ การทำธุรกรรมดิจิทัลมูลค่าเกิน 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 ล้านวอน) ต้องได้รับการรายงานต่อสาธารณะ พร้อมโทษทางอาญาหากฝ่าฝืน

ในฝั่งของพรรคเดโมแครต บรรยากาศของการสนับสนุนร่างกฎหมายเริ่มขยายวง โดยมีวุฒิสมาชิก 10 คนรวมถึงชิฟฟ์ร่วมเสนอร่างด้วย อย่างไรก็ตาม บางส่วนถูกวิจารณ์ว่าเป็นพฤติกรรมย้อนแย้ง เนื่องจากเคยสนับสนุนร่าง ‘GENIUS Act’ ที่ไม่เข้มงวดนักต่อสเตเบิลคอยน์มาก่อน

วุฒิสมาชิก เบน เรย์ ลูฮาน(Ben Ray Luján) กล่าวว่าการที่ประธานาธิบดีใช้ตำแหน่งสาธารณะเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากมีมคอยน์เป็นการทรยศความไว้วางใจของประชาชน พร้อมระบุว่า “‘COIN Act’ คือมาตรการขั้นต่ำที่จำเป็น” เพื่อจำกัดไม่ให้ผู้นำประเทศใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหารายได้จากคริปโต

ขณะเดียวกัน ทรัมป์และครอบครัวได้ลดการถือหุ้นใน WLF จากเดิม 75% เหลือเพียง 40% ซึ่งบางฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามหลีกเลี่ยงเสียงวิจารณ์ทางการเมือง อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการลดสัดส่วนการถือหุ้นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสละผลประโยชน์ทางการเงินจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อ WLF ได้รับเงินทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากกลุ่มทุนในอาบูดาบี เพื่อขยายการใช้งาน USD1 อย่างเร่งรัด

แม้จะมีแรงสนับสนุนในบางฝั่ง แต่การผลักดัน COIN Act ให้ผ่านสภาคองเกรสจะไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากพรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากทั้งในสภาบนและล่าง และมีความเป็นไปได้ว่าทรัมป์เองอาจใช้ ‘สิทธิยับยั้ง’ เพื่อขัดขวางร่างกฎหมายนี้

เดโมแครตยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเตรียมยื่นกฎหมาย MEME Act เพื่อควบคุมธุรกรรมทางการเงินที่ไม่เหมาะสมของประธานาธิบดีเพิ่มเติม ซึ่งสะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าความเชื่อมโยงระหว่าง ‘การเมืองกับคริปโต’ ยังคงทวีความซับซ้อน และอาจสร้างแรงกระเพื่อมทางกฎหมายที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ ในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1