สำนักงานกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) เริ่มต้นการศึกษาความเป็นไปได้ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น บิตคอยน์(BTC) และสเตเบิลคอยน์ มาใช้พิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อบ้าน นับเป็นสัญญาณสำคัญที่อาจเปิดทางให้สินทรัพย์คริปโตผสานเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิมอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 25 วิลเลียม เฟรดด์(William P. Frant), ผู้อำนวยการของ FHFA โพสต์บนแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “กำลังศึกษาว่าการถือครองคริปโตจะสามารถนับรวมเป็นคุณสมบัติสำหรับการกู้สินเชื่อบ้านได้หรือไม่” เฟรดด์เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ทิศทางนโยบายของ FHFA อาจมีความเป็นมิตรกับคริปโตเพิ่มมากขึ้น
FHFA เป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดกฎเกณฑ์การดำเนินงานของบริษัทสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยรายใหญ่ในสหรัฐอย่างแฟนนีเมย์ (Fannie Mae) และเฟรดดีแมค (Freddie Mac) หากหน่วยงานเหล่านี้ยอมรับบิตคอยน์หรือสเตเบิลคอยน์เป็นทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันการกู้ยืมได้ จะถือเป็นก้าวสำคัญของคริปโตในฐานะสินทรัพย์ในระบบการเงินที่ถูกกฎหมาย
ในอดีต การนำคริปโตมาใช้ในการขอสินเชื่อหรือจำนองในสหรัฐต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยเมื่อถึงวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ธนาคารส่วนใหญ่ในสหรัฐยังไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์เงินกู้ที่ใช้คริปโตเป็นหลักประกันได้ ปัจจัยสำคัญคือแนวทางบัญชี ‘SAB 121’ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ซึ่งระบุว่า หากสถาบันการเงินถือครองคริปโตในนามลูกค้า จะต้องบันทึกเป็นหนี้สิน ซึ่งสร้างภาระในงบดุล
**คำ** แถลงจากผู้อำนวยการ FHFA ในการเริ่มต้นพิจารณานี้ จึงอาจเป็นหมุดหมายสำคัญในการเปลี่ยนผ่านของคริปโตจากสินทรัพย์เพื่อการลงทุน ไปสู่การเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สามารถใช้งานในชีวิตจริง หากมีการคลายข้อจำกัดด้านกฎระเบียบไปพร้อมกับมาตรฐานทางบัญชีที่ยืดหยุ่นขึ้น คริปโตในสหรัฐก็อาจได้รับสถานะทางกฎหมายที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเดิม
**ความคิดเห็น:** หาก FHFA เดินหน้าในทิศทางนี้จริง ตลาดสินเชื่อและอสังหาริมทรัพย์สหรัฐอาจเข้าสู่ยุคใหม่ โดยที่คริปโตจะไม่เพียงแค่เป็นการลงทุนในพอร์ตของนักเก็งกำไร แต่ยังกลายเป็นสินทรัพย์สำหรับการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนอีกด้วย
ความคิดเห็น 0