ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกลับมาปะทุอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอเรนซีเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างรุนแรง โดยทันทีที่มีรายงานว่า *อิหร่านละเมิดข้อตกลงหยุดยิงกับอิสราเอลโดยฝ่ายเดียว* มูลค่าของ *บิตคอยน์(BTC)* และตลาดโดยรวมก็ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงหลังข่าวเผยแพร่ มูลค่าการชำระบัญชีในตลาดฟิวเจอร์สสูงถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 6,950 พันล้านวอน ส่งผลให้ *บิตคอยน์(BTC)* ตกลงไปต่ำกว่า 105,000 ดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าราว 1.46 ล้านบาท
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้มาจากคำแถลงของอิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ซึ่งระบุว่ากองทัพได้ "โจมตีอย่างแม่นยำต่อกรุงเตหะราน" พร้อมกล่าวหาว่าอิหร่านได้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ได้รับการไกล่เกลี่ยจากสหรัฐฯ และกาตาร์ ขณะที่เอยาล ซามีร์ เสนาธิการทหารอิสราเอล ยืนยันว่า "ระบอบอิหร่านได้ทำลายข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง" และเตรียมตอบโต้เต็มรูปแบบ ด้าน *สภาควาามมั่นคงแห่งชาติอิหร่าน* ปฏิเสธการละเมิดดังกล่าว แต่ยืนยันว่าประเทศเตรียมพร้อมป้องกันตนเองในทุกสถานการณ์
เหตุความไม่สงบส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอเรนซีพังทลาย โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงซึ่งถูก *ชำระบัญชีเป็นจำนวนมหาศาล* ความเชื่อมั่นในตลาดจึงสั่นคลอนทันที อย่างไรก็ตาม บางมุมมองพยายามมองว่าเหตุการณ์นี้เป็น “*จังหวะการปรับฐานที่ดีต่อสุขภาพ*” นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง *ไมเคิล ฟาน เดอ โพเป* เชื่อว่า บิตคอยน์(BTC) อาจสามารถยืนบริเวณระดับแนวรับที่ 103,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.43 ล้านบาท และมีโอกาสดีดกลับขึ้นในระยะสั้น
นอกเหนือจากความเคลื่อนไหวในสนามรบ ผลกระทบยังลุกลามไปสู่เศรษฐกิจมหภาคอีกด้วย โดย *ประธานาธิบดีทรัมป์* โจมตี *เจอโรม พาวเวลล์* ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างรุนแรง หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ โดยทรัมป์โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตน ‘Truth Social’ ว่า “ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อทรงตัว เศรษฐกิจก็ไปได้ดี ดอกเบี้ยน่าจะลดลงอย่างน้อย 2-3%” พร้อมระบุว่าการลดดอกเบี้ยจะช่วยประหยัดงบประมาณรัฐบาลได้สูงถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,112 ล้านล้านวอนต่อปี และเรียกร้องให้รัฐสภาจัดการอย่างเด็ดขาดกับพาวเวลล์
เหตุการณ์ระหว่างอิหร่าน-อิสราเอลในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคริปโตยัง *อ่อนไหวต่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์* อย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า *บิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ยังไม่สามารถยึดสถานะ “ทองคำดิจิทัล” ได้อย่างสมบูรณ์ ความเสี่ยงจากความขัดแย้งระดับโลกจึงยังเป็นแรงกดดันสำคัญต่อพฤติกรรมนักลงทุนคริปโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0