มอร์แกนสแตนลีย์คาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 7 ครั้งจนถึงสิ้นปี 2026 บรรยากาศดอกเบี้ยต่ำอาจดันบิตคอยน์(BTC)ขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น มอร์แกนสแตนลีย์ บริษัทการเงินชื่อดังในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะลดอัตราดอกเบี้ยหลัก 7 ครั้งภายในสิ้นปี 2026 ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยสิ้นสุดที่ระดับ 2.5%-2.75% ถือว่าต่ำกว่าระดับปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ สถานการณ์ดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้ถูกมองว่าอาจเป็น ‘แรงผลักครั้งสำคัญ’ ที่กระตุ้นให้ความเชื่อมั่นในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลโดยเฉพาะบิตคอยน์(BTC) กับคริปโตอื่นๆ กลับมาอีกครั้ง
การคาดการณ์ครั้งนี้มีความโดดเด่นตรงที่ แม้คาดว่าการปรับลดอาจเริ่มช้ากว่าคาด แต่จะเกิดเป็น ‘วงจรการผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว’ ตลาดเคยคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยได้เร็วที่สุดในช่วงฤดูร้อนปีนี้ แต่ประกาศนโยบายภาษีใหม่ของรัฐบาลสหรัฐกลับกลายเป็นตัวแปรสำคัญ โดยไมเคิล เกเฟน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำสหรัฐของมอร์แกนสแตนลีย์ ระบุว่า “แรงกดดันเงินเฟ้อจากนโยบายภาษีอาจชะลอการดำเนินการของเฟดใน 3-6 เดือนข้างหน้า” พร้อมชี้ว่าจุดเริ่มต้นการลดดอกเบี้ยน่าจะเป็นเดือนมีนาคม 2026 อย่างไรก็ตาม เขามองว่าหากเฟดเริ่มลดดอกเบี้ยเมื่อใด ก็อาจดำเนินการอย่างรวดเร็วมากขึ้น
หากการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้นจริง ผลกระทบต่อตลาดการลงทุนโดยรวมจะเด่นชัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจะลดต้นทุนการกู้ยืม เพิ่มสภาพคล่องในระบบ และส่งผลให้นักลงทุนหันมามองสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงมากขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่างการลดดอกเบี้ยกับตลาดคริปโตไม่ใช่สิ่งใหม่ บิทคอยน์และตลาดคริปโตมักเข้าสู่ช่วงขาขึ้นในช่วงที่ดอกเบี้ยลด โดยเฉพาะหลังวิกฤตเศรษฐกิจ 2008 ซึ่งเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง นักวิเคราะห์รายหนึ่งให้ ‘ความคิดเห็น’ ว่า “เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง บิทคอยน์ซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงจะตอบสนองเป็นอันดับต้นๆ และรอบนี้ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน”
ปัจจุบัน บิตคอยน์(BTC) ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 106,476 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) โดยครองสัดส่วนในตลาดคริปโตสูงถึง 64.57% แม้การปรับขึ้นในรายวันอยู่ที่เพียง 0.70% แต่ทิศทางตลาดเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวอีกครั้ง ที่สำคัญ บิทคอยน์ ETF ในสหรัฐยังคงได้รับเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมความหวังเกี่ยวกับ ‘การเติบโตของอุปสงค์ในระยะกลางถึงยาว’ ผ่านการเข้าสู่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิม
ณ เวลานี้ เฟดยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อคาดการณ์ของมอร์แกนสแตนลีย์อย่างเป็นทางการ แต่ในแวดวงวอลสตรีทและอุตสาหกรรมคริปโต กลับเริ่มมีการหยิบยกแนวโน้มนี้ขึ้นมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง สัญญาณชัดเจนคือการปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อเพิ่มสัดส่วนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น สินทรัพย์ดิจิทัล กำลังเริ่มเกิดขึ้นจริงในวงจำกัด
หากการลดดอกเบี้ย 7 ครั้งตามคาดเป็นจริง บิทคอยน์ รวมถึงอีเธอเรียม(ETH) และกลุ่มอัลต์คอยน์ มีโอกาสเข้าสู่ ‘ฤดูกาลอัลต์คอยน์’ ครั้งใหม่ และถ้ากระแสการกำกับดูแลคริปโตในประเทศอย่างสิงคโปร์หรือหมู่เกาะเคย์แมนเดินหน้าควบคู่ไปด้วย ก็อาจทำให้รอบขาขึ้นครั้งต่อไปมี ‘ศักยภาพการเติบโตที่ระเบิดได้’ มากกว่าทุกรอบที่ผ่านมา
แม้อาจยังเร็วไปที่จะพูดว่าการกลับตัวของตลาดเกิดขึ้นแล้ว แต่อย่างน้อยในมุมของนักลงทุนมืออาชีพหรือ ‘สมาร์ทมันนี่’ หลายคนก็กำลังวางแผนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับรอบหน้าเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว และประวัติศาสตร์ชี้ว่าแรงซื้อจำนวนมากมักเริ่มต้นในช่วงที่ตลาดยังไม่คึกคัก – ซึ่งอาจทำให้ ‘วัฏจักรการลดดอกเบี้ยครั้งใหม่นี้’ กลายเป็น ‘สัญญาณเริ่มต้น’ ของรอบร้อนแรงถัดไปก็เป็นได้
ความคิดเห็น 0