นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยข้อมูลบล็อกเชน *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* เปิดเผยว่า รายได้ของนักขุดบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ *ต่ำสุดในรอบ 1 ปี* โดยมีรายได้รวมต่อวันอยู่ที่ประมาณ 34 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 22 มิถุนายน ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 20 เมษายนที่ผ่านมา การลดลงครั้งนี้มีสาเหตุจากราคาบิตคอยน์อ่อนตัวลง ประกอบกับ ‘ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม’ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
รายงานของคริปโตควอนต์ระบุว่า ผลกระทบจากรายได้ที่ลดต่ำลงยังส่งผลต่อ *แฮชเรต* ของเครือข่ายบิตคอยน์อีกด้วย โดยแฮชเรตลดลงประมาณ 3.5% ตั้งแต่ 16 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่กรกฎาคม 2024 ตัวเลขนี้ถือเป็นตัวชี้วัดระดับการมีส่วนร่วมของนักขุดในเครือข่าย ซึ่งเมื่อ ‘ความสามารถในการทำกำไร’ ลดลง ก็จะเห็นการปิดเครื่องขุดและการถอนตัวชั่วคราวจากเครือข่ายเพิ่มขึ้น ความคิดเห็นจากคริปโตควอนต์ระบุว่า หากเทรนด์นี้ยังคงอยู่ต่อเนื่อง อาจกระทบต่อ *ความมั่นคงของระบบเครือข่าย* ในระยะยาว
แม้รายได้จะลดลง แต่แรงกดดันในการขายกลับไม่สูงเท่าที่คาดไว้ โดยปริมาณบิตคอยน์ที่นักขุดปล่อยออกจากระบบลดลงจากระดับสูงสุด 23,000 BTC ต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ มาอยู่ที่ประมาณ 6,000 BTC ในช่วงล่าสุด และยังไม่พบสัญญาณการเพิ่มขึ้นของการขายอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ปริมาณที่ไหลเข้าสู่กระดานเทรดก็ยังอยู่ในระดับต่ำ ข้อมูลยังเผยว่า บิตคอยน์ที่ขุดได้ในยุคต้นหรือ ‘ยุคซาโตชิ’ ถูกขายออกมาเพียง 150 BTC ในปี 2025 ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับ 10,000 BTC ในปี 2024
สิ่งที่น่าสนใจคือ *นักขุดรายใหญ่* ที่ถือครองบิตคอยน์ระหว่าง 100 ถึง 1,000 BTC ได้เพิ่มปริมาณการถือครองอย่างต่อเนื่อง จาก 61,000 BTC เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เป็น 65,000 BTC ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่พฤศจิกายนปีก่อน ข้อมูลนี้สะท้อนว่า นักขุดรายใหญ่ยังคงยึดกลยุทธ์ ‘ถือครองมากกว่าขาย’ ซึ่งช่วยลดโอกาสที่แรงขายจากฝั่งนักขุดจะกลายเป็นปัจจัยกดดันราคาบิตคอยน์ในระยะสั้น
สุดท้าย คริปโตควอนต์สรุปว่า แม้ ‘ความสามารถในการทำกำไร’ ของนักขุดจะลดลง แต่กลยุทธ์การถือครองของนักขุดรายใหญ่ยังคงช่วย *เสริมเสถียรภาพของราคาบิตคอยน์และความเชื่อมั่นในเครือข่าย* ได้ในระยะยาว และชี้ให้เห็นว่า ความผันผวนของราคาส่วนใหญ่อาจมาจากปัจจัย *ภายนอก* มากกว่าฝั่งนักขุดเอง
ความคิดเห็น 0