ข้อถกเถียงเกี่ยวกับจำนวนเหรียญ *ริปเปิล(XRP)* ที่บริษัทริปเปิลแล็บส์ถือครองได้กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียรายหนึ่งออกมาอ้างว่า ‘ริปเปิลถือครอง XRP จำนวน 48,306,580,000 เหรียญ’ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 69.7 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 97.3 ล้านล้านวอน อ้างอิงจากมูลค่าตลาดปัจจุบัน
ใจกลางของข้อพิพาทนี้อยู่ที่ข้อกล่าวหาระบุว่า *ริปเปิล* อาจขายโทเคนที่ตนถือครองเพื่อใช้เป็นเงินทุนบริหารจัดการบริษัท ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทถูกตั้งข้อสงสัยในลักษณะนี้ และประเด็นดังกล่าวได้สร้างผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของโครงการ XRP มาโดยตลอด นักวิเคราะห์บางรายให้ความเห็นว่า การจำหน่ายโทเคนโดยตรงจากบริษัทอาจมี ‘อิทธิพล’ ต่อปริมาณเหรียญในตลาด ราคาระยะสั้น ไปจนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนระยะยาว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดวิด ชวาร์ตซ์(David Schwartz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของริปเปิล ออกมาปฏิเสธโดยชี้แจงว่า จำนวน XRP ดังกล่าวไม่สามารถนับว่าเป็น ‘ทรัพย์สินที่ริปเปิลควบคุมโดยตรง’ ได้ โดยอธิบายว่า XRP ส่วนนี้ถูกล็อกไว้ในระบบเอสโครว์ (Escrow) ซึ่งทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าถึงหรือใช้งานได้ตามต้องการ ทั้งยังระบุว่า ระบบถูกออกแบบให้สามารถปลดล็อกเหรียญได้เป็นรายเดือนและแบบมีเงื่อนไขเท่านั้น
ด้านมายุกา วาดาริ(Mayuka Vadari) วิศวกรซอฟต์แวร์ของริปเปิล กล่าวเสริมว่า “ในมุมมองทางกฎหมาย XRP ที่อยู่ในเอสโครว์คือทรัพย์สินที่เครือข่ายควบคุมชั่วคราว ไม่ใช่ทรัพย์สินที่ริปเปิลจะสั่งการได้ตามอำเภอใจ”
อย่างไรก็ตาม ‘ความคิดเห็น’ จากผู้เชี่ยวชาญบางรายยังคงตั้งข้อกังขา โดยมองว่า “แม้จะล็อกไว้ชั่วคราว แต่เมื่อถึงเวลาก็จะกลายเป็นสินทรัพย์ของริปเปิลอยู่ดี จึงไม่ต่างจากการถือครองโดยตรง” อีกทั้งโครงสร้างเอสโครว์ที่ริปเปิลใช้อยู่อนุญาตให้บริษัท ‘ปลดล็อกโทเคน’ ได้สูงสุดราว 1,000 ล้าน XRP ในแต่ละเดือน สร้างข้อกังวลว่าอาจมีการใช้อิทธิพลเพื่อควบคุมตลาดได้ ‘ความคิดเห็น’ จากนักวิเคราะห์ในบล็อกเชนเตือนว่า “แม้ระบบจะดูปลอดภัยด้วยสมาร์ทคอนแทรค แต่สิทธิในการควบคุมที่แท้จริงยังอยู่ที่บริษัท”
ประเด็นนี้กลับมาร้อนแรงในช่วงที่ริปเปิลยังอยู่ระหว่างข้อพิพาททางกฎหมายกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้ชุมชนผู้ถือครอง XRP เริ่มตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและแนวทางการบริหารสินทรัพย์ของโปรเจกต์มากขึ้น เสียงเรียกร้องให้มีการเปิดเผยโครงสร้างการถือครองและกลไกการจัดจำหน่ายอย่างโปร่งใสจึงทวีความรุนแรงตามไปด้วย
ความคิดเห็น 0