ตลาดคริปโตต้องเผชิญความปั่นป่วนอีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ *ชำระบัญชีผิดสมดุล* ในตลาดริปเปิล(XRP) ภายในวันเดียว ส่งผลให้เหล่านักลงทุนสายบวกต้องรับแรงกระแทกอย่างไม่ทันตั้งตัว ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า ตำแหน่ง Long ถูกชำระบัญชีไปแล้วกว่า 7.18 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 99.7 ล้านบาท ขณะที่ตำแหน่ง Short ถูกชำระบัญชีไปเพียง 738,000 ดอลลาร์เท่านั้น ความต่างที่สูงถึง *เกือบ 1,000%* แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างตลาดที่เอนเอียงไปในทิศทางเดียวอย่างชัดเจน
*ความคิดเห็น:* เหตุดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการดิ่งเหวของราคา XRP แต่อย่างใด โดยราคาปรับลงเพียงประมาณ 4% ทว่าสภาพตลาดที่ครอบงำด้วยความหวังและความโลภถูกฉุดให้พังทลายภายในพริบตา เพราะนักลงทุนจำนวนมากได้วางเดิมพันอย่างหนักในฝั่งขาขึ้น เมื่อตลาดสั่นสะเทือนแม้เพียงเล็กน้อย ก็เพียงพอจะก่อให้เกิด *เอฟเฟกต์โดมิโน* ที่พาสัดส่วนการลงทุนฝั่ง Long สลายหายไปในพริบตา
ด้านบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ก็ไม่รอดพ้นจากแรงสั่นสะเทือน โดยถูกชำระบัญชีไปกว่า 50.34 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 699.7 ล้านบาท) และ 35.62 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 495.1 ล้านบาท) ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ใน XRP กลับ *แสดงจุดอ่อนเฉพาะตัว* เมื่อมีการเท Long มากเกินไป ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงจากการพึ่งพาทิศทางเดียวของตลาด จนนำมาซึ่งการชำระบัญชีอย่างรุนแรง
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายชี้ว่า *โครงสร้างตลาดที่เอนไปด้านใดด้านหนึ่ง* โดยไม่มีการป้องกันฝั่งขาลงคือสาเหตุหลักของวิกฤตนี้ และไม่จำเป็นต้องอาศัยข่าวร้ายหรือความตื่นตระหนกจากภายนอกก็สามารถก่อให้เกิดผลกระทบได้ นักลงทุนที่ไร้การป้องกันหรือกระจายความเสี่ยงจึงเสมือนยืนอยู่บนระเบิดเวลา
เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มีสาเหตุจากปัจจัยภายนอก เช่น ข่าวดีหรือแนวโน้มคดีของรีเพิลกับคณะกรรมการ ก.ล.ต. สหรัฐฯ แต่อย่างใด หากแต่เป็น *ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในตลาด* ที่สร้างความกังวลว่าอาจเกิดซ้ำอีกในอนาคต หากนักลงทุนยังคงไร้บทเรียนและยังเชื่อมั่นในแนวโน้มบวกเกินจริง บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้คือการย้ำเตือนให้ผู้ลงทุน หันมาใส่ใจ *กลยุทธ์การลงทุนที่สมดุล* มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ใน XRP แต่รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ทั้งหมด
ความคิดเห็น 0