ETF อัลต์คอยน์หลายสินทรัพย์ลุ้นไฟเขียวสหรัฐ จับตา XRP, SOL และ ADA หลัง SEC รับข้อเสนอเกรย์สเกล

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ได้รับคำเสนอแก้ไขผลิตภัณฑ์ ETF แบบหลายสินทรัพย์อย่างเป็นทางการ ซึ่งรวมถึงคริปโตอย่างริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และคาร์ดาโน(ADA) ส่งผลให้ความเป็นไปได้ที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการอนุมัติในตลาดสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น บริษัทที่ยื่นคำเสนอคือเกรย์สเกล (Grayscale) ซึ่งมีแผนจะแปลงกองทุนดิจิทัลบลูชิพ (GDLC) ของตนให้กลายเป็น ETF ที่อ้างอิงจากสินทรัพย์จริง

ETF ดังกล่าวประกอบด้วยพอร์ตโฟลิโอของอัลต์คอยน์หลักหลายตัว โดยเฉพาะ XRP, SOL และ ADA ซึ่งต่างก็เป็นคริปโตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นซับซ้อนด้านกฎหมายจากความสัมพันธ์กับ SEC อย่างไรก็ตาม การที่ข้อเสนอนี้ถูก SE​C รับไว้อย่างเป็นทางการ นับเป็นความพยายามก้าวข้ามอุปสรรคทางกฎหมายก่อนหน้านี้ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้สืบเนื่องมาจากข้อเสนอที่เกรย์สเกลเคยยื่นไปเมื่อเดือนตุลาคม

จากข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญด้าน ETF อย่างเนต เจอราซี(Nate Geraci) ระบุว่า SEC ต้องประกาศผลการตัดสินเรื่องนี้ภายในสัปดาห์นี้ และไม่สามารถขยายเวลาเพิ่มเติมได้ ขณะที่นักวิเคราะห์ ETF จาก Bloomberg ประเมินว่าข้อเสนอนี้น่าจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสูงที่สุดในบรรดา ETF ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยมีแนวโน้ม ‘ความเป็นไปได้ถึง 95%’ ที่จะได้รับไฟเขียว

หาก SEC อนุมัติ ETF นี้ จะถือเป็น ‘ETF อัลต์คอยน์แบบหลายสินทรัพย์’ ที่มีสินทรัพย์จริงฉบับแรกของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ ก่อนหน้านี้ยังไม่เคยมี ETF ที่รวมคริปโตนอกเหนือจากบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) มาก่อน อีกทั้ง XRP และ SOL มักถูกกีดกันจากผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้เนื่องจากมีข้อพิพาทด้านกฎหมายและไม่แน่นอนในเชิงกำกับดูแล จึงทำให้การพิจารณาครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก

ขณะนี้ยังมีบริษัทอื่นอย่างแฟรงคลิน เทมเพิลตัน, บิตไวส์ และ 21Shares ที่ยื่นขออนุมัติ ETF แบบสินทรัพย์เดียว ส่วนบริษัทขนาดใหญ่อย่างฟิเดลิตี้และแบล็คร็อกยังไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันในตลาด ETF แบบหลายสินทรัพย์

เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากชัยชนะของเกรย์สเกลในคดีความกับ SEC เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนำไปสู่การอนุมัติ ETF ที่อ้างอิงบิตคอยน์จริงในปีถัดมา และต่อมาก็มีการอนุมัติ ETF ที่อิงอีเธอเรียม ทำให้การพิจารณา ETF ที่มี XRP และ SOL ครั้งนี้ ถูกตีความเป็นพัฒนาการต่อเนื่องในแนวทางเดียวกัน

คาดว่า SEC จะประกาศผลการตัดสินภายในวันที่ 2 กรกฎาคม และผลลัพธ์ที่ออกมานั้น อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อทิศทางของตลาดคริปโตในอนาคต โดยอาจกลายเป็น ‘สัญญาณ’ ว่าอุตสาหกรรมคริปโตกำลังเข้าใกล้การยอมรับในระบบการเงินกระแสหลักมากขึ้นในระดับกว้าง