โคอินเบส(Coinbase) เข้าซื้อลิควิไฟ(Liquifi) เสริมแกร่งแพลตฟอร์มโทเคน รับกระแสโทเคนไลเซชัน

โคอินเบส(Coinbase) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ประกาศเข้าซื้อกิจการของลิควิไฟ(Liquifi) แพลตฟอร์มจัดการโทเคน นับเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งที่สี่ของปีนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายระบบนิเวศของโทเคนและเพิ่มการสนับสนุนแก่โครงการคริปโตในระยะเริ่มต้น

เมื่อวันที่ 10 (เวลาท้องถิ่น) โคอินเบสเปิดเผยผ่านบล็อกทางการว่า การเข้าซื้อลิควิไฟจะช่วยให้บริษัทได้ความเชี่ยวชาญด้าน ‘การจัดการโครงสร้างผู้ถือโทเคน’, ‘การปลดล็อกโทเคนแบบเป็นช่วง (Vesting)’ และ ‘การปฏิบัติตามกฎหมาย (Compliance)’ อย่างครบวงจร โดยจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับผู้สร้างโครงการในช่วงเริ่มต้นได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการซื้อขายในครั้งนี้

จุดเด่นของลิควิไฟคือการนำเครื่องมืออัตโนมัติมาช่วยจัดการปัญหาทางกฎหมาย ภาษี และกฎระเบียบที่สตาร์ทอัพคริปโตต้องเผชิญขณะออกและแจกจ่ายโทเคน โดยเกร็ก ทูซาร์(Greg Tusar) รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสถาบันของโคอินเบส ระบุว่า “การปรับกระบวนการออกโทเคนที่ซับซ้อนให้เป็นอัตโนมัติจะช่วยลดความเสี่ยง พร้อมทั้งส่งเสริมให้โครงการสามารถเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ตลาดอย่างจริงจัง” พร้อมเสริมว่า “การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการเปิดตัวโทเคนได้ง่าย เร็ว และเชื่อมต่อทั่วโลกมากยิ่งกว่ารูปแบบการออกหุ้นแบบดั้งเดิม”

การเข้าซื้อลิควิไฟเกิดขึ้นหลังจากโคอินเบสประกาศเข้าซื้อกิจการของเดอริบิต(Deribit) หนึ่งในตลาดซื้อขายอนุพันธ์คริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าประมาณ 2.9 พันล้านดอลลาร์ โคอินเบสยังเดินหน้ากลยุทธ์ควบรวมกิจการเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็กระจายความหลากหลายภายในระบบนิเวศของตนอย่างต่อเนื่อง

ในอีกด้านหนึ่ง สโลวมิสต์(SlowMist) บริษัทด้านความปลอดภัยบล็อกเชน ออกมาเตือนภัยผู้ใช้เกี่ยวกับ 5 กลลวงใหม่ที่ระบาดอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ โดยลิซา(Lisa) หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทชี้ว่า การโจมตีสมัยใหม่เน้นไปที่การ 'หลอกลวงทางจิตวิทยามากกว่านวัตกรรมเชิงเทคนิค’ ปัจจัยหลักที่พบคือ ‘ส่วนขยายเบราว์เซอร์ปลอม’, ‘ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตปลอม’ และ ‘การหลอกลวงจากวิศวกรรมสังคม (Social engineering)’

รายงานของสโลวมิสต์ยังระบุว่า ผู้ใช้งานไม่เพียงตกเป็นเป้าของเว็บไซต์ฟิชชิงและซอฟต์แวร์อันตรายที่ถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน ยังรวมถึงการโจมตีผ่านช่องทางการสื่อสาร เช่น เมสเซนเจอร์ ที่อาศัยความสัมพันธ์เพื่อหลอกให้เชื่อใจ “อาชญากรกำลังพัฒนาทักษะในการสร้างความไว้วางใจอย่างแยบยล ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเพิ่มระดับการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” บริษัทกล่าว

ท่ามกลางการขยายตัวที่เร็วขึ้นของโคอินเบสและคำเตือนด้านความปลอดภัยจากสโลวมิสต์ ชี้ให้เห็นว่า *ตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ยุคที่ซับซ้อนมากขึ้น* ความเสี่ยงไม่ได้ลดลง กลับยิ่งหลากหลายและมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคที่กระแส ‘โทเคนไลเซชัน’ และ ETF กำลังเข้าใกล้กระแสหลักมากยิ่งขึ้น โดย *‘ความปลอดภัย’* ยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่สุดในการปกป้องผู้ลงทุนในตลาดนี้