ทรอน(TRX) เดินหน้ารุกตลาดการเงินแบบไร้ตัวกลาง (DeFi) อย่างจริงจัง หลังจากประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับคราเคน หนึ่งในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยภายใต้ความร่วมมือนี้ คราเคนได้กลายเป็นหนึ่งใน ‘ซูเปอร์ผู้แทน(SR)’ อย่างเป็นทางการบนเครือข่ายของทรอน ซึ่งนับเป็นบริษัทระดับโลกแห่งที่สองต่อจากกูเกิลที่เข้าร่วมในบทบาทสำคัญนี้
การประกาศความร่วมมือครั้งนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้ก่อตั้งทรอนอย่าง จัสติน ซัน(Justin Sun) ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ Twitter) โดยระบุว่า “คราเคนมาแล้ว รายต่อไปคือใคร?” ซึ่งทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจมีพันธมิตรใหม่ตามมาอย่างต่อเนื่องในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ ‘ซูเปอร์ผู้แทน’ คือกลไกที่ขับเคลื่อนการกำกับดูแลเครือข่ายทรอน ทั้งการสร้างบล็อกและตรวจสอบธุรกรรมที่ทำงานแบบกระจายอำนาจ โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 27 ราย
การที่คราเคนได้รับเลือกเป็นซูเปอร์ผู้แทนครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการยกระดับ *ความน่าเชื่อถือ* และ *ความชอบธรรมเชิงสถาบัน* ให้กับระบบนิเวศของทรอนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากคราเคนเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับในเรื่องมาตรฐานด้านความปลอดภัยและกฎระเบียบจากทั่วโลก ความเคลื่อนไหวนี้ส่งสัญญาณไปถึงนักลงทุนสถาบันว่าสภาพแวดล้อมของทรอนมีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากขึ้น
นอกจากนี้ การจับมือกับคราเคนเกิดขึ้นในช่วงที่ทรอนกำลัง ‘พัก’ ข้อพิพาททางกฎหมายกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยยื่นฟ้องซันและมูลนิธิทรอนในข้อหา *ฉ้อโกง* และ *ขายหลักทรัพย์โดยไม่จดทะเบียน* แม้ราคาของ TRX จะทรุดตัวทันทีหลังการฟ้องร้อง แต่ต่อมาก็มีสัญญาณว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมหันหน้าเจรจา ทำให้การฟ้องร้องดังกล่าวถูกระงับไว้ชั่วคราว ความร่วมมือกับคราเคนจึงอาจถือเป็น ‘ปัจจัยบวก’ ที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองของ SEC ต่อเครือข่ายนี้ได้เช่นกัน
ล่าสุด ทรอนยังคงผลักดันการระดมทุนเชิงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่งประกาศข้อตกลงมูลค่าราว 291.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,057 ล้านบาท) กับพันธมิตรหลายราย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขยายสะพานเชื่อมสู่นักลงทุนสถาบันและหน่วยงานการเงินชั้นนำ ความร่วมมือกับคราเคนในครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการได้รับตำแหน่งในระบบเท่านั้น แต่ยังถือเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* สู่การเพิ่มประสิทธิภาพและการยอมรับในระดับโลกของทรอน
*ความคิดเห็น* ความเคลื่อนไหวของคราเคนเป็นการแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมคริปโตกำลังเริ่มเชื่อมั่นในทรอนในฐานะเครือข่ายบล็อกเชนที่มีแนวโน้มเข้าสู่ *ระบบการเงินกระแสหลัก* มากขึ้น และยังอาจทำให้บริษัทด้านการเงินและเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมเริ่มสนใจเข้ามามีบทบาทในเครือข่ายมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0