สัญญาณขาขึ้นของริปเปิล(XRP) เริ่มชัดเจนขึ้น หลังจากที่กราฟรายสัปดาห์ของเหรียญดังกล่าวแสดงรูปแบบ ‘เพนนันต์(pennant)’ ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบทางเทคนิคที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณของการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง โดยมีแนวโน้มว่าราคาของ XRP อาจพุ่งสูงขึ้นกว่า 40% ไปแตะระดับ 3.20 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4,448 บาท) หากแนวโน้มยังคงดำเนินต่อไป ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของ *มูลค่าคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ (open interest)* ในตลาดฟิวเจอร์ส ประกอบกับข่าวดีหลายด้าน ถูกมองว่าเป็นแรงหนุนสำคัญที่สนับสนุนกระแสขาขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมา ราคา XRP เคลื่อนไหวสอดคล้องกับทิศทางบวกของตลาดคริปโตโดยรวม ปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงผลักดันเพิ่มเติม ได้แก่ ข่าวการที่ริปเปิลยื่นขอใบอนุญาตธนาคารในสหรัฐ รวมไปถึงการที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) อนุมัติการแปลงกองทุนรวมดัชนีดิจิทัลของเกรย์สเกล(GDLC) เป็นกองทุน ETF แบบสปอต ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน XRP
ในด้านพัฒนาเทคโนโลยีและกรณีการใช้งานจริง ริปเปิลได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัทการชำระเงินในยุโรปอย่างโอเพนเพย์(OpenPayd) เพื่อเปิดใช้งานระบบชำระเงินแบบเรียลไทม์ด้วยสกุลเงินยูโร(EUR) และปอนด์(GBP) รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์การสร้างและทำลายโทเคน RLUSD ที่อยู่ภายใต้กรอบการกำกับดูแล ซึ่งได้รับการประเมินว่าจะช่วยให้ XRP มีส่วนร่วมในระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนในภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมขยายบทบาทของ XRP จากเหรียญที่ใช้เก็งกำไรไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน
ท่ามกลางแนวโน้มเชิงบวก นักลงทุนยังมองเห็นโอกาสที่ XRP จะได้ไฟเขียวให้กลายเป็น ETF แบบสปอต เพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สเผยให้เห็นถึงจำนวน *สัญญาที่เปิดค้างอยู่* เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าผู้เล่นในตลาดเริ่มเปิด Long Position มากขึ้น เพื่อคาดการณ์ราคาที่สูงขึ้นในระยะต่อไป
นักวิเคราะห์หลายรายยังระบุด้วยว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์กลับมามีอิทธิพลในนโยบายภาครัฐอีกครั้ง และผลักดันแนวทางการกำกับดูแลที่เอื้อต่อสินทรัพย์ดิจิทัล ความหวังในการบูรณาการ XRP เข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิมก็จะถูกจุดขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่การเสริมแรงให้ XRP สามารถฝ่าด่านแนวต้านสำคัญในระยะกลางถึงยาวได้สำเร็จ
*ความคิดเห็น*: สถานการณ์ในปัจจุบันถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ XRP ซึ่งหากสามารถรักษาการเติบโตทั้งในเชิงราคาและพัฒนาการใช้งานไว้ได้ อาจทำให้เหรียญดังกล่าวกลับมาอยู่ในโฟกัสของนักลงทุนสถาบันและรายย่อยอีกครั้งในปีนี้
ความคิดเห็น 0