คราเคน (Kraken) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ ประกาศเข้าซื้อกิจการสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์จากอิสราเอลชื่อ แคพิทาไลซ์ เอไอ (Capitalise.ai) โดยแม้จะไม่เปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย แต่คราเคนวางแผนที่จะผสานเทคโนโลยีของแคพิทาไลซ์เข้ากับแพลตฟอร์ม ‘คราเคนโปร(Kraken Pro)’ ภายในปีนี้ การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของคราเคนในการเพิ่มฟีเจอร์ ‘โนโค้ด AI’ ที่แปลงคำสั่งเป็นภาษาพูดให้กลายเป็นกลยุทธ์ซื้อขายแบบเรียลไทม์
แคพิทาไลซ์ เอไอก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยมุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้สามารถป้อนคำสั่งเป็นภาษาธรรมชาติ แล้วแปลงเป็นการดำเนินกลยุทธ์ในตลาดทุนหลากหลายประเภท เช่น หุ้น คริปโต ฟอเร็กซ์ ฟิวเจอร์ส และออปชั่น หากการรวมระบบเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้คราเคนโปรจะสามารถออกแบบกลยุทธ์ ตั้งค่าทดสอบย้อนหลัง และใช้งานระบบเทรดอัตโนมัติได้โดยไม่ต้องเขียนโค้ด
แชนนอน เคอร์ทาส(Shannon Kurtas) หัวหน้าฝ่ายการค้าของคราเคนกล่าวว่า “การเข้าซื้อครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เปลี่ยนความคิดให้กลายเป็นกลยุทธ์ซื้อขายได้ทันที” พร้อมเสริมว่า “แม้แต่กลยุทธ์ที่ซับซ้อน ก็จะกลายเป็นเครื่องมือที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป”
การควบรวมกิจการครั้งนี้นับเป็นการลงทุนด้าน AI ครั้งที่สองของคราเคนในปีนี้ หลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อแพลตฟอร์มการซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐฯ อย่างนินจาเทรดเดอร์(NinjaTrader) ด้วยมูลค่าราว 20.85 พันล้านวอน (ประมาณ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
กระแสการลงทุนในเทคโนโลยี AI กำลังร้อนแรงในโลกคริปโต โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนอย่างเชนเอลลิซิส (Chainalysis) ได้เข้าซื้อกิจการสตาร์ตอัปตรวจจับการหลอกลวงชื่ออัลเทอเรีย(Alterya) มูลค่าประมาณ 208.5 พันล้านวอน (ราว 150 ล้านดอลลาร์) ซึ่งมีเทคโนโลยีการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์หน่วยงานกำกับดูแลและสถาบันการเงิน
ในอีกกรณีหนึ่ง แอป Web3 อย่างเอ็กซ์พอร์ทัล(xPortal) ได้เข้าซื้อบริษัทสตาร์ตอัปสัญชาติเยอรมันชื่ออัลฟาลิงก์(Alphalink) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีส่วนติดต่อผู้ใช้ผ่านมือถือด้วย AI โดยการเข้าซื้อนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมความแกร่งในด้าน *การเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi)* และระบบระบุตัวตนดิจิทัล
ขณะเดียวกัน ยังมีการควบรวมกิจการขนาดใหญ่เกิดขึ้นเช่นกัน เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม เทเธอร์(Tether) และแพลตฟอร์มวิดีโอนำเสนออย่างรัมเบิล(Rumble) ได้ยื่นข้อเสนอร่วมกันเพื่อซื้อบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์จากเยอรมนีชื่อโนเธิร์นเดตา(Northern Data) ด้วยมูลค่าราว 1.63 ล้านล้านวอน (ราว 1.17 พันล้านดอลลาร์) โดยรวมถึงหน่วยธุรกิจ GPU คลาวด์และศูนย์ข้อมูล อีกทั้งเทเธอร์ยังได้ลงนามข้อตกลงระยะยาวในการซื้อ GPU
ในวันเดียวกัน บริษัทเหมืองบิตคอยน์มารา โฮลดิ้งส์(MARA Holdings) เปิดเผยว่าได้เข้าซื้อหุ้น 64% ของบริษัทลูกด้าน AI ชื่อเอ็กซาออน(Exaion) ของบริษัทรัฐวิสาหกิจฝรั่งเศส EDF ด้วยมูลค่าประมาณ 233.5 พันล้านวอน (1.68 ร้อยล้านดอลลาร์) พร้อมออปชั่นที่จะขยายสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มเป็น 75% ภายในปี 2027
ไม่ใช่ทุกบริษัทที่เลือกเข้าสู่สมรภูมิ M&A โดยตรง ตัวอย่างเช่น คอยน์เบส(Coinbase) ได้เลือกใช้แนวทางการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับเพิร์เพล็กซ์ิตี้ AI (Perplexity AI) เมื่อเดือนกรกฎาคม โดยผสานข้อมูลดัชนี COIN50 เข้ากับระบบค้นหา AI แบบเรียลไทม์ เพื่อเจาะลึกการให้ข้อมูลตอบสนองตามบริบทของตลาดคริปโต
*ความคิดเห็น*: หลังจากยุค NFT และเมตาเวิร์ส เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนถัดไปที่ขับเคลื่อนวงการคริปโตให้รุดหน้า การควบรวมระหว่างคราเคนและแคพิทาไลซ์ เอไอ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดสังเกตของแนวโน้มใหญ่นี้ ที่ระบบอัตโนมัติและการเข้าถึงง่ายในยุค AI กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเครื่องมือการลงทุน
ความคิดเห็น 0