บิตคอยน์(BTC) แสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เมื่อราคาพุ่งแตะระดับ *112,500 ดอลลาร์* (ประมาณ 15.63 ล้านบาท) ช่วงตลาดวอลล์สตรีทเปิดทำการเมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) โดยทดสอบแนวต้านสำคัญอีกครั้งหลังจากการปรับฐานในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บิตคอยน์สามารถเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงที่นักวิเคราะห์เรียกว่า *“ช่องทางสนับสนุนของตลาดกระทิง”* ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับฐานที่ ‘สุขภาพดี’ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกครั้งในเชิงเทคนิค
การฟื้นตัวในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการฟื้นราคาธรรมดา เพราะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดแถว *104,000 ดอลลาร์* (ราว 14.45 ล้านบาท) ซึ่งเป็นบริเวณแนวรับหลัก แต่ยังสามารถรักษาเส้นแนวรับดังกล่าวไว้ได้ โดยนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการทดสอบนั้น *“เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตลาดขาขึ้นแบบคลาสสิก”* และถือเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากแรงซื้อยังคงแข็งแกร่ง
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาทองคำได้ทำ *สถิติสูงสุดใหม่* ซึ่งยิ่งกระตุ้นความสนใจในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น บิตคอยน์ ให้เพิ่มสูงขึ้น นักเทรดและนักวิเคราะห์เศรษฐกิจบางส่วนเริ่มมองว่า บิตคอยน์กำลังถูก *ยอมรับในฐานะเครื่องมือเฮจความเสี่ยงมหภาค (macro hedge)* คล้ายกับทองคำ บ่งชี้ถึงบทบาทในฐานะสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ที่เติบโตขึ้นในสภาวะที่สภาพคล่องทั่วโลกและความไม่แน่นอนของค่าเงินเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
ตลาดกำลังจับตาข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ และการกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ว่าอาจมีอิทธิพลต่อแนวโน้มราคาบิตคอยน์อย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันแพลตฟอร์มซื้อขายหลักต่างรายงานว่า อัตราส่วนของการเปิดสถานะซื้อ (long position) ในบิตคอยน์กำลังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ราคา *BTC* อาจ *ทะลุระดับ 130,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 18.07 ล้านบาท) ได้ภายในปีนี้
แม้จะยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าการดีดตัวในครั้งนี้เป็นเพียงการฟื้นตัวทางเทคนิคชั่วคราว หรือสัญญาณเริ่มต้นของคลื่นขาขึ้นชุดใหม่ แต่สิ่งที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ คือ *ตำแหน่งของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์มหภาคกำลังแข็งแกร่งขึ้น* ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวของสถาบัน และอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของนักลงทุนระยะสั้นด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น 0