บิตคอยน์(BTC) เผชิญจุดชี้ชะตาที่ 112,500 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้หากทะลุได้อาจพุ่งแตะ 126,000 ดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC) กำลังเข้าใกล้ระดับแนวต้าน ‘112,500 ดอลลาร์’ (ประมาณ 1.56 ล้านบาท) ซึ่งถูกมองว่าเป็นจุดตัดสินสำคัญต่อทิศทางของราคาในอนาคต หากสามารถทะลุผ่านได้สำเร็จ ตลาดอาจเข้าสู่ช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง แต่หากล้มเหลว ความผันผวนสูงและแรงกดดันจากการขายอาจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เลนเนิร์ต สไนเดอร์(Lennaert Snyder) นักวิเคราะห์คริปโทรายหนึ่ง ระบุว่า หากบิตคอยน์สามารถยืนเหนือระดับ 112,500 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง จะมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ ‘เทรนด์ขาขึ้น’ ได้อีกครั้ง ในทางกลับกัน หากถูกกดดันกลับลงมา ราคาบิตคอยน์อาจถอยกลับไปยังโซน 106,000 ดอลลาร์ (1.47 ล้านบาท) หรือแย่ที่สุดอาจแตะระดับ 101,000 ดอลลาร์ (1.40 ล้านบาท)

ด้านมุมมองทางเทคนิค บิตคอยน์เพิ่งสร้างสัญญาณ ‘โมเมนตัมขาขึ้น’ หลังเกิดรูปแบบ ‘โกลเดนครอส’ บน MACD (ดัชนีความเคลื่อนไหวเฉลี่ย) ซึ่งแสดงถึงโอกาสในการกลับตัวของแนวโน้ม ราคาบิตคอยน์อาจพุ่งสู่เป้าหมายระยะสั้นที่ระดับ 124,000 ดอลลาร์ (1.72 ล้านบาท) ไปจนถึง 126,000 ดอลลาร์ (1.75 ล้านบาท) ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ ZYN ที่เชื่อว่าสัญญาณรอบนี้ “เป็นมากกว่าตัวเลขทางเทคนิคธรรมดา แต่คือการกลับตัวของแนวโน้มจริง”

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวจาก ‘วาฬคริปโท’ เริ่มส่งสัญญาณที่ต้องจับตา โดยนักวิเคราะห์จากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ในชื่อ IT Tech เปิดเผยว่า *ปริมาณการถือครองของวาฬบิตคอยน์ลดลงอย่างชัดเจนในช่วงหลัง* ซึ่งบ่งบอกว่า นักลงทุนรายใหญ่เริ่มทยอยขายทำกำไร เป็นไปได้ว่าตลาดอาจเข้าสู่รอบพักฐาน ทำให้ความเสี่ยงจากแรงขายยังไม่หายไปเสียทีเดียว “การลดพอร์ตของวาฬบิตคอยน์ถือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าที่ไม่ควรมองข้าม” IT Tech กล่าว

สัปดาห์นี้ยังต้องจับตาตัวเลขเศรษฐกิจจากฝั่งสหรัฐฯ อย่างดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และข้อมูลการจ้างงาน ซึ่งอาจส่งอิทธิพลต่อท่าทีการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) และส่งผลกระทบต่อทิศทางคริปโทในภาพรวม *ความคิดเห็น: นักลงทุนจำนวนมากยังคงระมัดระวังต่อความผันผวน ที่อาจเกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังการเปิดเผยข้อมูลสำคัญนี้*

โดยสรุป บิตคอยน์กำลังยืนอยู่ตรง ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ที่ระดับ 112,500 ดอลลาร์ ซึ่งอาจกำหนดทิศทางในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้สัญญาณเชิงเทคนิคแสดงภาพบวก แต่แรงขายจากนักลงทุนรายใหญ่และความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงก่อให้เกิดความผันผวน นักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและเตรียมกลยุทธ์รับมืออย่างรอบคอบ