บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 115,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 16.02 ล้านบาท) ระหว่างสุดสัปดาห์ ทำให้แรงฟื้นตัวของตลาดต้องหยุดชะงัก แม้จะดีดกลับขึ้นไปที่ระดับ 118,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 16.4 ล้านบาท) หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศลดดอกเบี้ย แต่ราคาก็กลับดิ่งลงในช่วงเช้าวันเสาร์ ส่งผลกระทบต่อ *ตลาดอัล트คอยน์* หลายสกุล
ราคาบิตคอยน์ได้เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงที่ผ่านมา โดยอาศัยความหวังว่าเฟดจะหันมาลดดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบปี อย่างไรก็ดี เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์ แรงซื้อได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ราคาตกลงใกล้ระดับ 110,000 ดอลลาร์ฯ ก่อนดีดกลับเล็กน้อยที่ระดับประมาณ 115,000 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 15.98 ล้านบาท) ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์ยังอยู่เหนือระดับ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 3,197 ล้านล้านบาท) แต่ *ส่วนแบ่งการตลาด* ของบิตคอยน์ได้ลดลงต่ำกว่า 56% แล้ว
ไม่เพียงแค่บิตคอยน์เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ *อีเธอเรียม(ETH)* ลดลงต่ำกว่า 4,500 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 625,000 บาท), *โดจคอยน์(DOGE)* ร่วงลงกว่า 3% ภายในวันเดียว, *เชนลิงค์(LINK)* ลดลง 5% และ *ริปเปิล(XRP)* กำลังต่อสู้เพื่อรักษาระดับ *แนวรับสำคัญ* ที่ 3 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 4,170 บาท)
แรงกระแทกยิ่งชัดเจนในกลุ่มอัลต์คอยน์ขนาดกลางและเล็ก โดยโครงการ M ร่วง 16% มาอยู่ที่ 2.2 ดอลลาร์ฯ (ประมาณ 3,058 บาท), MYX ลดลง 12%, และ *เพนกวิน(PENGU)* ร่วงกว่า 7% ในภาพรวม *มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอร์เรนซี* หายไปกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 695,000 ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงวันเดียว เหลือเพียง 4.14 ล้านล้านดอลลาร์ฯ (ประมาณ 5,754 ล้านล้านบาท)
การร่วงลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ถูกมองว่าเป็นผลจากแรงขายทำกำไรของนักเก็งกำไรระยะสั้น ความผันผวนในตลาดหุ้นโลก และ *ความไม่แน่นอนทางการเมือง* ที่เกี่ยวข้องกับ *ประธานาธิบดีทรัมป์* โดยนักวิเคราะห์บางรายมองว่า "แนวโน้มของเศรษฐกิจมหภาคยังไม่ชัดเจน จึงเป็นไปได้ว่าภาวะกระทิงของบิตคอยน์จะถูกทดสอบอีกครั้ง"
ภาวะเช่นนี้ทำให้ตลาดต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์หลัก รวมถึงความสามารถในการฟื้นตัวของอัลท์คอยน์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งอาจชี้ว่าตลาดกำลังจะเข้าสู่ *แนวโน้มขาลง* ใหม่ หรือเป็นเพียงช่วงพักฐานก่อนฟื้นตัว
ความคิดเห็น 0