อีเธอเรียม(ETH) ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากเหตุการณ์แฮกครั้งใหญ่ของไบบิท(Bybit) เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวได้เข้าซื้ออีเธอเรียมเป็นจำนวนมากเพื่อชดเชยความเสียหายและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของตลาด
เมื่อวันที่ 21 ไบบิทตกเป็นเหยื่อของการแฮกมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้อีเธอเรียมร่วงลง 7% จาก 2,832 ดอลลาร์สู่ 2,629 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ราคาปรับตัวขึ้นมาใกล้ระดับ 2,800 ดอลลาร์อีกครั้งในวันที่ 23 แสดงถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาด
จากข้อมูลของ Lookonchain แพลตฟอร์มวิเคราะห์ออนเชน พบว่า ไบบิทได้จัดหาอีเธอเรียมจำนวน 446,870 ETH คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.23 พันล้านดอลลาร์ ผ่านการกู้ยืมและการซื้อโดยตรง เบน โจว(Ben Zhou) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของไบบิทยืนยันว่า การขาดทุนของแพลตฟอร์มได้รับการชดเชยแล้ว และเตรียมเผยแพร่รายงาน 'Proof-of-Reserves' ฉบับใหม่เร็วๆ นี้
ในขณะเดียวกัน ลาซารัสกรุ๊ป กลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ ถูกชี้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยมีการใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์และบริการผสมเหรียญเพื่อล้างเส้นทางธุรกรรม ไบบิทจึงได้ขอความร่วมมือจากองค์การตำรวจสากลและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเพื่อติดตามและระงับสินทรัพย์ที่ถูกขโมย นอกจากนี้ บริษัทบล็อกเชนรายใหญ่ยังได้ดำเนินการเพื่อลดผลกระทบ โดยเทเธอร์(Tether) แช่แข็ง 181,000 USDT และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ THORChain ได้ขึ้นบัญชีดำที่อยู่กระเป๋าของแฮกเกอร์
แม้ว่าราคาอีเธอเรียมจะกลับขึ้นมายืนเหนือ 2,800 ดอลลาร์ได้ แต่ก็ยังเผชิญกับความผันผวน โดยในวันที่ 26 ตลาดเอเชียเปิดทำการที่ระดับ 2,740 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในช่วง 2,600-2,800 ดอลลาร์ในระยะสั้น แต่หากความเชื่อมั่นของตลาดกลับมา อีเธอเรียมอาจมีโอกาสทดสอบระดับ 3,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0