ทีมพัฒนา ‘ชิบะอินุ(SHIB)’ ได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์สุดท้ายของปี 2025 เน้น ‘การรับผิดชอบ’ และ ‘การชดเชยผู้ใช้’ มากกว่าการกระตุ้นราคา หนึ่งในจุดสำคัญคือการสะท้อนบทเรียนจากการถูกแฮ็กในเหตุการณ์ของปีนี้ และการวางรากฐานเพื่อฟื้นฟูศรัทธาจากชุมชนผู้ใช้อย่างเป็นรูปธรรม
ข้อความจาก คาล ดาเรีย(Kaal Dhairya) นักพัฒนาหลักของชิบะอินุ ระบุว่า ปี 2025 คือปีที่ ‘เลวร้ายที่สุด’ ของระบบนิเวศ โดยเหตุการณ์ที่สะเทือนมากที่สุดคือการแฮ็กสะพานเชื่อม ‘Shibarium’ ซึ่งทำให้สินทรัพย์ราว 4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 140 ล้านบาท) สูญหายไป เขายอมรับว่าหลังเหตุการณ์ มีผู้นำบางคนหายตัวไปโดยไม่รับผิดชอบ และเหล่าทีมที่เหลืออยู่ต้องดำเนินการฟื้นฟูระบบทั้งหมด
เกี่ยวกับข้อสงสัยจากชุมชนว่าไม่มีการสืบสวนจากทางการ คาลยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ระดับประเทศได้สอบสวนและได้รับข้อมูลเอกสารทั้งหมดเรียบร้อย พร้อมปฏิเสธข้อเรียกร้องให้แสดงหมายเลขคดีต่อสาธารณะว่าเป็น ‘แรงกดดันในเชิงฉวยโอกาส’
‘ไพ่สำคัญ’ ของการฟื้นฟูคือการเปิดตัว NFT ที่ชื่อ ‘Shib Owes You’ หรือ ‘SOU NFT’ ซึ่งทำหน้าที่เป็น ‘ใบเสร็จดิจิทัล’ ที่ระบุจำนวนเงินที่ผู้ใช้สูญเสียอย่างชัดเจน NFT นี้จะได้รับการอัปเดตแบบเรียลไทม์ พร้อมติดตามสถานะการชำระเงินเยียวยาหรือเงินบริจาคจากชุมชน นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อขาย แบ่งแยก หรือโอนย้ายได้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดรอง ถือเป็นนวัตกรรมที่เหนือกว่ากระบวนการเคลมแบบเดิมที่ล่าช้า
ในเชิงเทคนิค โครงการยังยกระดับระบบ ‘Plasma Bridge’ ที่เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ ด้วยโครงสร้างใหม่ที่แยกระหว่างผู้ตรวจสอบธุรกรรมและตัวบริดจ์เอง เพื่อเสริมความเป็น *กระจายศูนย์* มากขึ้น ทีมยังระบุด้วยว่าโอกาสนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อรื้อระบบนิเวศและจัดระเบียบใหม่ทั้งหมด
โครงการยังวางแผนให้ผู้ใช้แพลตฟอร์ม บริการ หรือผู้ดูแลผลประโยชน์ที่อยู่ในระบบนิเวศต้องคืนรายได้บางส่วนเป็น ‘การรับผิดชอบร่วม’ หลักการนี้จะผลักดันให้ระบบมีความโปร่งใสและรักษาผลประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น โดยโครงการรุ่นเก่าบางส่วนจะถูกควบรวมหรือยกเลิก
ด้วยระดับราคา *ชิบะอินุ(SHIB)* ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ราว 0.000007 ดอลลาร์ (ราว 0.0101 บาท) แผนนี้จึงถูกมองว่าเป็น ‘ทางเลือกที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน’ เน้นสร้างความเชื่อมั่นมากกว่าการหวังผลในระยะสั้น ตลาดกำลังจับตาดูแนวโน้มราคาของ SHIB รวมถึงความเคลื่อนไหวในการปรับโครงสร้างระบบนิเวศในอนาคตอย่างใกล้ชิด
*ความคิดเห็น*: การออก SOU NFT เป็นสัญญาณว่าชุมชนบล็อกเชนเริ่มเข้าใจว่าศรัทธาสำคัญกว่าโฆษณา แท้จริงแล้ว NFT ที่ออกมานี้ไม่ได้มีแค่เป้าหมายในการชดเชย แต่ยังเป็นวิธีการคืนความโปร่งใส และอาจเป็นโมเดลที่โครงการอื่นนำไปใช้ตามในอนาคต
ความคิดเห็น 0