ตลาดคริปโตปรับฐานหนัก! บิตคอยน์ร่วง 11,000 ดอลลาร์ในวันเดียวหลังนโยบายภาษีทรัมป์

ตลาดคริปโตเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 4 (เวลาท้องถิ่น) ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า คำสั่งเรียกเก็บภาษี 25% ของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ตลาดโลกสั่นคลอน นำไปสู่การชำระบัญชีมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36,600 ล้านบาท) ภายใน 24 ชั่วโมง โดย บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา(SOL) ร่วงลงอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

ข้อมูลเผยว่า กว่า 87% ของการชำระบัญชีเกิดขึ้นจากสถานะ ‘Long’ แม้ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงแนวโน้มขาขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา แต่การประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนลงอย่างรวดเร็ว บิตคอยน์เคยแตะระดับ 93,000 ดอลลาร์ในวันที่ 3 ก่อนจะร่วงลงมาอยู่ที่ 82,000 ดอลลาร์ภายในวันเดียว ขณะที่ อีเธอเรียมและโซลานา ปรับตัวลดลงเกือบ 12% และ 20% ตามลำดับ สะท้อนถึงแรงกดดันที่ส่งผลต่อทั้งตลาด

สิ่งที่น่าจับตามองคือ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังว่ารัฐบาลทรัมป์จะมีท่าทีที่เป็นมิตรกับคริปโต ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 2 ทรัมป์เพิ่งเปิดเผยแผนสำรองคริปโตอย่างเป็นทางการ โดยมีเป้าหมายเพิ่มคริปโตเข้าไปในทุนสำรองของรัฐบาล แต่ความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าได้บดบังปัจจัยบวกนี้ไป

จากข้อมูลของ CoinGlass พบว่าเฉพาะการชำระบัญชีจากสถานะ ‘Long’ ของบิตคอยน์มีมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,980 ล้านบาท) ส่วนเหรียญอื่น ๆ อย่าง โซลานา, ริปเปิล(XRP) และคาร์ดาโน(ADA) มีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 150 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,490 ล้านบาท)

เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่าตลาดคริปโตตอบสนองต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์เตือนว่าความไม่แน่นอนในการค้าระหว่างประเทศ อาจเป็นตัวเร่งให้ตลาดเผชิญกับความผันผวนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวลดลงจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งตอกย้ำถึงความเชื่อมโยงของตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล

แม้ว่า ‘เอฟเฟกต์ทรัมป์’ จะช่วยหนุนตลาดคริปโตให้พุ่งขึ้นตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้ง โดยบิตคอยน์ไต่ระดับจาก 69,374 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ไปแตะระดับสูงสุดที่ 108,786 ดอลลาร์ในเดือนมกราคมปีนี้ แต่ความกังวลด้านนโยบายการค้าอาจทำให้กระแสขาขึ้นเริ่มชะลอตัว บิตคอยน์ล่าสุดปรับฐานลงมาที่ระดับ 80,000 ดอลลาร์

ผู้เชี่ยวชาญตลาดประเมินว่า ความผันผวนอาจเพิ่มขึ้นอีกในระยะสั้น นักลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรควรบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง แม้จะมีข่าวบวก เช่น การที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ยุติข้อพิพาทบางกรณีเกี่ยวกับบริษัทคริปโต แต่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดันตลาดต่อไป